Bruno2

Bistronomie at Jojo with 2-Michelin Star French Chef Bruno Oger, 21-23 February 2018

Bruno Oger (1)

Please scroll down for chef Bruno Oger’s lunch & dinner menus.

BISTRONOMIE AT JOJO WITH TWO-MICHELIN-STAR FRENCH CHEF BRUNO OGER  AT THE ST. REGIS BANGKOK

Acclaimed 2-Michelin-Star, French Chef Bruno Oger introduces Bangkok diners to the wonders of Bistronomie, a casual contemporary culinary movement from France, at Jojo Restaurant, in The St. Regis Bangkok, with two exclusive menus from 21st to 23rd February 2018.

 The St. Regis Bangkok invites top Michelin-Starred culinary talents from around the globe to take over the kitchen at their ground-floor Jojo Restaurant. From Wednesday 21st to Friday 23rd February 2018, The St. Regis Bangkok presents highly acclaimed 2-Michelin-Star French Chef Bruno Oger. As guest chef, he will be introducing the popular French style of dining out, known as Bistronomie, to guests at The St. Regis Bangkok, in two exclusive lunch and dinner menus.

A contemporary French culinary movement, Bistronomie offers a much more approachable and informal way of dining.  With seasonal, market-driven and changing menus, together with thoughtful and often bio-dynamic or organic wine selections, there are no meticulous presentations and no standing on ceremony.

Chef Bruno’s aim is to delight guests with emphasis on exquisite taste sensations, through excellent and sustainably sourced ingredients, together with his decades of award-winning culinary acumen. Guests will feel as if they have come home to dine in the heart and soul of France and to the warmth of Chef Bruno’s very own kitchen, yet right in the centre of Bangkok.

To me, good food is foremost a human adventure. It is synonymous with good times…” ~Chef Bruno Oger.

Guests are assured a great adventure into Chef Bruno’s modern brasserie style. Tempting courses in both menus include: a warm squid salad and a Provence confit with basil; roasted scallop with aniseed, fennel and asparagus; spaghetti à-la-Guitare in Armorican sauce; duck breast and foie gras with mushrooms; and for dessert, pure Caribbean chocolate profiterole with a large honey madeleine. Dinner adds a touch of citrus, by including roasted seabass with organic lemon and rouille bouillon, as well as a lemon meringue pie.

Perfectly complimenting these casual, yet flavour-rich, menus, optional pairings of selected French wines are available at both lunch and dinner, for an additional fixed price.

Chef Bruno Oger’s Bistronomie at The St. Regis Bangkok:

5-Course Lunch Menu: THB 2,800++ (plus THB 2,000++ wine pairing)

7-Course Dinner Menu: THB 3,800++ (plus THB 2,500++ wine pairing)

For reservations, please call +66 2207 7777, e-mail fb.bangkok@stregis.com or visit www.stregisbangkok.com. Connect with St. Regis Bangkok on Facebook, Instagram, and Twitter.

About Chef Bruno Oger

Acclaimed French Chef Bruno Oger was born in Brittany, France, and his origins remain a strong influence in his kitchen. From a young age, he was filled with passion for cooking and made it is mission to work in a Michelin-Starred restaurant. Chef Bruno worked his way up, learning alongside the likes of Georges Blanc. In 1995, he took over the kitchen at the Grand Palace in Cannes, and was awarded his first star in 1997, as head chef at Villa des Lys, and 2005 would see him earning his second star there. In the meantime, in 2000, Chef Bruno was voted Best French Chef of the Year in the Gault-Millau guide, and received a Chevalier des Arts et Lettres medal in 2003. Later, in 2009, he opened his own restaurant, La Villa Archange, as well as Le Bistrot des Anges, and the Angel Bar, to roaring success. Only 10 months later, La Villa Archange was awarded two Michelin Stars and was featured in Les Grandes Tables du Monde. Fast-forward to 2016, and La Villa Archange joined the prestigious ranks of Relais & Châteaux. Later that year, Chef Bruno Oger was conferred the title of Maître Restaurateur.

ประสบการณ์ BISTRONOMIE อาหารฝรั่งเศสแบบร่วมสมัย
โดยบรูโน่ โอเจร์ เชฟมิชลินสตาร์สองดาวจากประเทศฝรั่งเศส สู่ห้องอาหารโจโจ ณ โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ
วันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ 2561

โรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ เชิญพบกับการมาเยือนของบรูโน่ โอเจร์ เชฟมิชลินระดับสองดาวชาวฝรั่งเศส ผู้โด่งดังแห่งวงการอาหารและเป็นที่รู้จักทั่วโลก การเดินทางมาเยือนห้องอาหารโจโจในครั้งนี้ เขาจะนำเสนอประสบการณ์ใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ Bistronomie รังสรรค์ 2 เมนูแบบเอ็กคลูชีฟสำหรับมื้อกลางวันและมื้อค่ำให้แก่แขกทุกท่านที่เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ 2561

Bistronomie (bistro-style gastronomy) คือการทำอาหารฝรั่งเศสแบบร่วมสมัย นำเสนอเพื่อการรับประทานอาหารของนักชิมเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและเป็นกันเองมากขึ้น เน้นการรังสรรค์เมนูจากวัตถุดิบหรือผลผลิตตามฤดูกาล สอดคล้องกับท้องตลาด และการปรับเปลี่ยนเมนูที่สะดวกในการรับประทานแบบไม่เน้นความพิถีพิถันและไม่มีพิธีรีตรองมากมายใด ๆ ตลอดจนไวน์ที่คัดสรรมาอย่างดีทั้งแบบออร์แกนิก และแบบไบโอไดนามิก

บรูโน่ โอเจร์ เชฟผู้ครอบครองมิชลินดาวต่อเนื่องยาวนาน และอยู่เบื้องหลังความสำเร็จอันมากมายในฝรั่งเศส ด้วยการบริหารจัดการร้านอาหารของตัวเองหลายแห่งทั้งร้านอาหารมิชลินสตาร์ “La Villa Archange” และเรสเตอรองต์หรู ที่ได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบันนี้

จุดมุ่งหมายของเชฟบรูโน่คือ การสร้างความพึงพอใจให้กับนักชิมสามารถเข้าถึงรสชาติที่แท้จริงของส่วนผสมที่ยอดเยี่ยมและใช้ส่วนผสมจากแหล่งกำเนิดที่ยั่งยืน (sustainably sourced ingredients) รวมทั้งความเป็นเลิศในด้านฝีมือการทำอาหารที่ได้รับรางวัลมานานหลายทศวรรษ แม้ว่านักชิมที่มาเยือนห้องอาหารโจโจ ณ ใจกลางกรุงเทพฯ แต่ก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้กลับบ้านและรับประทานอาหารเต็มเปี่ยมด้วยความอิ่มเอมใจ เสมือนนั่งอยู่ที่ร้านอาหารอันเป็นบ้านของเชฟในฝรั่งเศสและได้รับความอบอุ่นเป็นกันเองท่ามกลางบรรยากาศของห้องครัวของเชฟบรูโน่เฉกเช่นเดิม

“สำหรับผมแล้ว อาหารที่ดีเยี่ยม ย่อมมาพร้อมกับประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น และคือคำจัดความของช่วงเวลาดีๆ” เชฟบรูโน่กล่าว

เตรียมพบกับความอร่อยที่มาพร้อมการนำเสนอประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นในสไตล์บราสเซอรี่โมเดิร์นครีเอทโดยเชฟบรูโน่ (Chef Bruno’s modern brasserie style) ลิ้มลองทั้งสองเมนูประกอบด้วย สลัดปลาหมึกซอสโพรวองซ์ (Warm Squid Salad, Provence Confit with Basil) หอยเชลล์อบเนยกระเทียมและหน่อไม้ฝรั่ง (Roasted Scallop, Aniseed, Fennel and Asparagus)  สปาเก็ตตี้สูตรพิเศษซอส Armorican  หรือซอสมะเขือเทศผสมด้วยไวน์และน้ำสต็อกปลาเป็นสูตรดั้งเดิมของแคว้นบริตตานี  (Spaghetti à-la-Guitare with Armorican Sauce) อกเป็ดและตับห่านเสิร์ฟพร้อมเห็ด (Duck Breast and Hot Foie Gras with Mushrooms) และยังมีเมนูของหวานได้แก่ ขนมโปรฟิเทอร์โรลช็อกโกแลตแคริเบียน ถือเป็นของหวานที่มีต้นตำรับมาจากฝรั่งเศส ซึ่งเป็นขนมเนื้อฟูสอดไส้ไอศครีมราดด้วยซอสช็อกโกแลต (Pure Caribbean Chocolate Profiterole)  พลาดไม่ได้กับมาเดอเลนน้ำผึ้ง (Honey Madeleine) ซึ่งเป็นขนมพื้นบ้านเหมือนคุกกี้ของชาวฝรั่งเศส และเมนูพิเศษสำหรับมื้อค่ำ อาทิ ปลากระพงย่างกับมะนาวออร์แกนิคและซุปปลาสไตล์ฝรั่งเศส (Roasted Seabass with Organic Lemon and Rouille Bouillon)  พายเลมอนเมอแรงค์ (Lemon Meringue Pie)  เพิ่มอรรถรสของมื้ออาหารด้วยไวน์ฝรั่งเศสที่คัดสรรมาอย่างดี เสิร์ฟควบคู่เมนูอาหารรสเลิศทั้งมื้ออาหารกลางวันและมื้ออาหารเย็น

เพลิดเพลินไปกับศิลปะการทำอาหารและลิ้มรสอาหารชั้นเลิศฝีมือเชฟระดับมิชลินสตาร์ เสิร์ฟในรูปแบบ Bistronomie เมนูอาหารสำหรับมื้อกลางและมื้อค่ำ

2,800 บาท ++ ต่อท่าน สำหรับ 5 คอร์ทเมนูอาหารกลางวัน

4,800 บาท ++ ต่อท่าน สำหรับ 5 คอร์ทเมนูอาหารกลางวันและไวน์

3,800 บาท ++ ต่อท่าน สำหรับ 7 คอร์ทเมนูอาหารมื้อค่ำ

6,300 บาท ++ ต่อท่าน สำหรับ 7 คอร์ทเมนูอาหารมื้อค่ำและไวน์

ประวัติเชฟบรูโน่ โอเจร์

ชาวพื้นเมืองของ Morbihan ตะวันตกเฉียงเหนือของ ฝรั่งเศสเขาพัฒนา ความหลงใหลในการปรุงอาหาร ตั้งแต่อายุ 12 เขา ตัดสินใจที่จะก้าวเข้าสู่เส้นทางพ่อครัวอาชีพ โดยได้บรรลุตามคำปฏิญาณของเขาที่ว่า เขาจะต้องได้ทำงานวันในร้านอาหารมิชลินระดับสามดาว เขาจึงเข้าเรียนในโรงเรียนการโรงแรม ดินาร์ด บริตตานี (the hotel school of Dinard in Brittany) และได้ร่วมงานครัวในปี 2526  เขาประสบความสำเร็จด้วยการก้าวเข้าสู่เส้นทางความฝันของเขาเมื่ออายุ 21 ปี โดยเขาได้รับการว่าจ้างให้ทำงานร่วมกับ Georges Blanc ที่ร้านร้านอาหารมิชลินระดับ 3 ดาวใน

เมืองเบรส  (3-star Vonnas restaurant in Bresse) เขาได้เริ่มทำงานที่ร้านอาหารฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงในโรงแรมระดับห้าดาวในกรุงเทพฯในปี 2532  ซึ่งทำให้เขาได้รับตำแหน่งเป็นเอ็กเซคคลูทีฟเชฟในปี 2536 หลังจากที่ย้ายไปทำงานที่ร้านอาหาร  La Villa des Lys ในคานส์ เขาได้รับคว้ารางวัลมิชลินระดับหนึ่งดาวมาถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี 2540 และอีกครั้งในปี 2543  ต่อมาได้รับรางวัลมิชลินระดับ 2 ดาวในปี 2548 นอกจากนี้เขายังได้รับการโหวตให้เป็นสุดยอดเชฟแห่งปียกย่องโดย Gault-Millau หนังสือแนะนำร้านอาหารยอดเยี่ยมที่โด่งดังในฝรั่งเศส เขาได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับตัวเองอีกครั้งโดยได้รับเหรียญอัศวินแห่งศิลปะและวรรณกรรม the Medal of Chevalier of Arts  and Letters  จากฌอง ฌาค ออลลากอน  (Jean-Jacques Aillagon) รัฐมนตรีว่าการกระทรวง วัฒนธรรมและการสื่อสารในเดือนพฤษภาคม ปี 2546  นอกจากนี้ เชฟบรูโน่ ยังได้ รับรางวัล BIB Gourmand และได้รับเชิญให้เป็นเชฟคนสำคัญในการดูแลงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อจัดเลี้ยงในงานเทศกาลภาพยนตร์ เมืองคานส์ ครบรอบ 50 ปี และครบรอบ 60 ปี

ในปี 2553 เชฟบรูโน่ได้เปิดร้านอาหารของเขาเองหลายแห่งได้แก่  Le Bistrot des Anges ร้าน  the Angel Bar ร้านอาหารLa Villa Archange ซึ่งร้านนี้เขาได้รับรางวัลมิชลินระดับสองดาว เละได้รับเลือกให้เผยแพร่ในหนังสือ Les Grandes Tables du Monde restaurant guide  ไม่นานนักร้านอาหาร La Villa Archange ได้รับการเกียรติให้เข้าเป็นสมาชิกสมาชิกระดับโลกในการเป็นโรงแรมและภัตตาคารที่หรูหราของ Relais & Châteaux (ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 500 คนใน 60 ประเทศใน 5 ทวีป เป็นตัวแทนอย่างมากในยุโรปสมาคมมีการเติบโตในอเมริกาเหนือเอเชียและแอฟริกา) ในปี 2559 และล่าสุดบรูโน่ได้ รับรางวัล Maitre Restaurateur เป็นรางวัลที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมืออาชีพชั้นนำของโลก

Screen Shot 2018-02-13 at 3.15.24 AM

Screen Shot 2018-02-13 at 3.14.56 AM

Related posts: