มื้อนี้นัดกันมาชิมอาหารที่ร้าน Gift Hem’s Gastrosophy (ภักษาโอชารสกิฟท์) สุขุมวิท 36 ห้องอาหารน้องใหม่เปิดมาได้เพียง 2 ปี โดยฝีมือเชฟกิฟท์ เฮม เชฟรุ่นใหม่ไฟแรงที่เก่งทั้งอาหารไทยและตะวันตก และยังสามารถผสานแนวคลาสสิกกับโมเดิร์นได้อย่างลงตัว
จานแรกของดินเนอร์ 5 คอร์ส “อกเป็ดรมควันกับซอสพีชและไวน์ขาว” อกเป็ดเนื้อนุ่มหอมกลิ่นรมควัน เสิร์ฟกับซอสลูกพีชและไวน์ขาวบ่มกับชาฝรั่งเศสชื่อดัง Marco Polo ของแบรนด์หรู Mariage Frères เคียงสดชื่นกับเนื้อลูกพีชใส่มาในถ้วยขนาดย่อม กลิ่นหอมเพราะบ่มกับไซรัปที่ infuse กับชา Marco Polo เช่นเดียวกัน เสริมพิเศษสำหรับคนรักกัน คือสลัดผัก ตีด้วยนำ้สลัดวินิเกรท สูตร “เชฟกิฟท์” ผสานงา ความเผ็ดของพริก และบัลซามิก ใส่มะเขือเทศพันธ์พิเศษของญี่ปุ่น นำไปแช่ในบัลซามิกเคี่ยว คละมาทั้งแบบสีสดและสีเข้ม อร่อยสุดฟิน
จานสอง “Truffle Mashed Potatoes” มันฝรั่งบดเสิร์ฟพร้อมสแกลล็อปตัวเขื่องรสหวาน นำไป เซียร์ในเนยใส (clarified butter) สุกขนาดกำลังพอดี เนยใสนี้เตรียมโดยการเอาไปเจียวกับกระเทียมและพริกสด เพื่อให้ได้กลิ่นและรสชาติในน้ำมัน เหตุที่เชฟไม่เลือกใช้นำ้มันมะกอกเพราะเห็นว่า ความหอมมันของเนยน่าจะเข้ากันได้ดีกว่ากับมันบด เมื่อนำหอยเชลล์ไปจี่ในน้ำมันนี้แล้ว เพิ่มไวน์ขาวเข้าไป ทำเป็นซอสน้ำมันราดทับด้านบนอีกที
ตามมาด้วย “บะหมี่ปู” เมนูที่คนไปกินขอมาล่วงหน้า ใช้ปูขนาดจัมโบ้ จากเมืองสุราษ ให้สังเกตได้ว่าเนื้อปูชิ้นใหญ่จะมาจากทางภาคใต้ ปูใกล้ ๆ แถบกรุงเทพตัวจะขนาดเล็กกว่า แม้ว่าความหวานจะพอ ๆ กัน เส้นหมี่เป็นบะหมี่ไข่เส้นสดสไตล์ฮ่องกง สั่งพิเศษจากร้านเฉพาะ การเตรียมเนื้อปู จะนำปูไปผัดพร้อมเครื่องเทศให้หอมก่อน พอได้นำ้มัน จึงนำไปคลุกกับเส้นให้หอมกลิ่นเนื้อปู เท่านี้ก็ได้บะหมี่ปูเลิศรสสมใจคนสั่ง
เมนคอร์ส “เนื้อกระเพราะ” นำไปผัดฉ่ากับน้ำปลาและบรั่นดี โดยไม่ใส่ซอสอื่นใด เครื่องเทศมีกระเพรา ใบยี่หร่า ลงกับพริกและกระเทียมไทย เนื้อส่วน Rib Eye เป็น ออร์แกนิค certified และ grass fed จากนิวซีแลนด์ เสิร์ฟพร้อมข้าวสวย ข้าวหอมมะลิ 100% หุงโดยเอาน้ำแป้งหรือ starch ออกให้มากที่สุด เวลาหุงออกมาแล้วเนื้อข้าวจะไม่นุ่มหนืด หากเม็ดข้าวเรียงตัวสวยงาม
อีกจานคือ “ไข่เป็ดต้มเค็ม” signature ของ Gift Hem’s Gastrosophy เมนูไม่ได้ทำบ่อย แต่ทำทีไร ออเดอร์ delivery มากมาย วิธีการทำ เคี่ยวน้ำตาลให้เป็นคาราเมล เติมน้ำปลา โดยไม่ใส่ซอสปรุงรสอื่นใดเลย เมื่อได้ซอสมาแล้ว จึงนำไข่เป็ดลงมาเคี่ยวในซอสที่ว่านี้ นาน 3 วัน โดยจะเลือกไข่เป็ดขนาดฟองโตที่สุด เพราะหลังต้ม 3 วัน ขนาดไข่จะรัดตัวเล็กลง การเคี่ยวแบบนี้จะได้ความหอมแบบต้มเค็มดังเช่นสมัยเก่าก่อน เป็นพะโล้แบบไทยที่รสชาติความหอมจะเข้าน้ำเข้าเนื้อจับเข้าไปถึงไข่แดง
ล้างปากกันด้วย ซอร์เบท์ลำไย เป็นไอศกรีมปั่นสด ท็อปด้วยยูสุกรานิเต้ที่เป็นเกล็ด ๆ ด้านบน โรยหน้าให้ความหอมด้วยผิวมะนาว
สุดท้ายที่ต้องขอชิม คือมะม่วงหาวมะนาวโห่ดองกับวอดก้า วิธีทำแช่และปอกในน้ำเกลือ เพื่อลดความขื่น และต้องขูดเม็ดออกจนหมด ปรกติผลรสจะฝาดเปรี้ยวจี๊ดกินไม่ได้ แต่ดองกับวอดก้าแล้วรสชาติดีจนอยากขอเหมาไปทั้งโหล
สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ 088 636 3551