อัพเดตข่าว มาการงร้านดัง Laduree ณ วันนี้ เปิดให้บริการแล้วที่สนามบินชาร์ลเดอโกล เทอร์มินอล วัน
เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีโอกาสบินไปปารีส ขณะลงจากเครื่อง ตรงดิ่งไปยังจุดตรวจคนเข้าเมือง พลันสายตาเหลือบไปเห็นช็อปมาการงลาดูเร่ภายในบริเวณดิวตี้ฟรี แว๊บเดียวเท่านั้น นึกว่าฝันไป ความที่ไปถึงแต่เช้าตรู่ ขา กลับกันเหนียวแวะซื้อมาเผื่อก่อน 2 กล่อง เพราะมีคนฝาก ต่อเมื่อถึงแอร์พอร์ต ซื้อเพิ่ม ได้มาอีกหนึ่งกล่อง จึงชัวร์ว่า เค้ามีขายแล้วจริงๆ
กลับไปอีกเที่ยวนี้ เลยแวะถ่ายภาพมาฝาก พร้อมสอบถามข้อมูล ได้ความว่าสาขาแอร์พอร์ตเทอร์มินอล 1 แห่งนี้เปิดทุกวัน ไม่มีวันหยุดตั้งแต่6 โมงเช้ายัน 4ทุ่มครี่ง เอาใจลูกค้าเปิดยาวขนาดนี้ ใครเดินทางด้วยสายการบินไทย ไม่อดแน่
เป็นที่รู้กันว่ามาการงลาดูเร่ คือของฝากสุดยอดปรารถนาในอันดับต้น ๆ จากกรุงปารีส ก่อนหน้านี้ ใครที่เคยต้องหอบหิ้วกลับมาฝาก เป็นต้องเข้าใจหัวอกเดียวกันเลยว่างานนี้ปาดเหงื่อ
อย่างแรก ร้านรวงที่นั่นเค้าปิดเร็ว ทุ่ม ทุ่มครึ่ง ก็รีบปิดกันแล้ว ไม่ได้เปิดบริการดึกดื่นเหมือนเซ็นทรัลหรือพารากอนบ้านเรา
ก่อนวันกลับ จึงมีอันต้องไปยืนรอคิวยาวซื้อขนมฝาก จะไปกันตั้งแต่เช้าก็ไม่ได้ เพราะซื้อแล้วต้องเดินกระเตงหอบขนมทั้งวัน ขนมสวยจะบุบสลายหมด ส่วนจะไปค่ำก็ไม่ได้อีก ร้านจะปิด เลยต้องแวะมาซื้อกันตอนเย็น ๆ ที่คนเยอะแยะ ยืนคอยกันหน้าเครียด แถวยาวเหยียด ไหนจะอยากได้ขนม ไหนจะห่วงรายการช้อปนาทีสุดท้ายที่ต้องเก็บให้หมดอีก แต่ทำไงได้ อยากได้ขนมร้านดัง มันก็ no choice แบบนี้แหละ
เมื่อหลายปีก่อน มีประสบการณ์ไปร้าน Laduree ที่ Place de la Madeleine (ปลาส เดอ ลา มาดเดอแลน) คิดเอาว่าต้องเก๋เพราะเป็นช้อปเก่าแก่แห่งแรก ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือถูก ยืนนานเป็นชั่วโมง เพื่อขนมกล่องเดียว ไม่เข้าใจว่าจะขายดีอะไรกันขนาดนั้น มาการงเจ้านี้คนไม่เคยกินก็อยากชิม คนเคยกินแล้วก็อยากกินอีก แต่หลัง ๆ มานี้ เค้าเพิ่มสาขาเพิ่มอีกหลายแห่ง แบ่ง ๆ ลูกค้ากันไป อาจไม่ต้องรอคิวนานมากเหมือนแต่ก่อน คือหวังว่านะ
ความลำบากอย่างสอง ของดีชื่อดังระดับนี้ จะให้อร่อยต้องกินขณะอบเสร็จสด ๆ ใหม่ๆ ช้ินเล็ก ๆ เกือบ 2 ยูโร คิดเป็นเงินไทยบวกลบนิดหน่อยก็ราว ๆ 90 บาท ไม่ได้ถูก ซื้อมาทิ้งเก็บไว้ก็นานไม่ได้ เค้าแนะนำให้กินอย่างนานภายใน 3 วัน เกินนั้นมันเสียรสชาติและความอร่อย รวมทั้งเสียเงินปล่าวอีกด้วย
ส่วนจะรอซื้อวันกลับแต่เช้าเลย ความคิดเข้าท่า แต่มีหวังตกเครื่อง โดยเฉพาะคนที่ใช้บริการการบินไทยของเรา กว่าร้านจะเปิดก็ราว 10 โมง 10 ครึ่ง เครื่องออกบ่าย 2 โมง จวนเจียนเกินไป ไม่ทันแน่ ส่วนสายการบินนั้นอื่นไม่อาจทราบได้ ไปเช็คกันเอาเองแล้วกัน
อีกประการ ร้านที่โน่นส่วนใหญ่จะปิดวันอาทิตย์ ใครจะกลับวันจันทร์ จึงต้องวางแผนกันรอบคอบหน่อย ขนมเก็บนานไม่ได้ ร้านก็ปิด คิดหนัก จะทำยังไงดีน้อ โชคเข้าข้าง ที่สาขา Avenue Champs Elysees (อเวอนู ชองส์ เซลิเซ่) แถว ๆ สถานีรถใต้ดิน George V (อ่านว่า – จอร์จ แซงค์) ที่เปิดให้บริการเป็น tea salon ไปด้วย เปิดทุกวัน และ เปิดจนดึก ถ้าจำไม่ผิดจนถึง 4 ทุ่ม เลยได้สาขานี้แหละมาช่วยกู้สถานการณ์ ครั้งที่แล้วไปเข้าแถวช่วงประมาณ 3 ทุ่ม คิวยังยาวเหยียด แต่ทำใจไว้แล้วว่าสู้ไม่ถอย คอยไปแค่ 15 นาทีระดับน้อง ๆ เอง
ดีใจได้ของมาแล้ว เรื่องยังไม่จบ ขนมเค้าบอบบาง ต้องถือให้ดี ๆ กล่องไม่ว่าจะขนาดกี่ชิ้น เล็กหรือใหญ่ ที่ร้านมีถุงแบบมีก้นไว้รองรับได้อย่างพอดี ซื้อแล้ว พนักงานขายจะค่อยๆ วางกล่องในถุงในลักษณะแนวนอน พร้อมกำชับว่า ให้ถือแนวนอนเท่านั้น ห้ามวางแนวตั้งเป็นอันขาด ของจะบอบช้ำ กล่องเหลี่ยมใหญ่ ๆ แม้จับวางแนวตั้งจะถือได้สะดวกกว่า ก็ไม่บังอาจ ต้องดูแลกันราวกับไข่ในหิน แค่ถือแล้วถุงเอียง ๆ ยังไม่กล้าเลย
กับช็อปเปิดใหม่ที่แอร์พอร์ต จึงเป็นความสะดวกสบาย ไม่ต้องหอบหิ้วไกลลดความลำบากไปได้หลายขั้นตอน ได้ทั้งของแท้ตำรับดั้งเดิมจากปารีส แถมราคายังถูกลงนิดนึง เพราะได้ยกเว้นภาษี
แม้จากทั้งหมด 18 รสชาติ จะมีไว้บริการแค่ 12 แต่รสยอดนิยม อย่าง กลีบกุหลาบ คาราเมล กาแฟ ช็อกโกแลต รวมทั้งรสสมุนไพร Reglisse หรือ Liquorice ที่เป็นสูตรของชอบส่วนตัว มีให้ครบหมด เรียกว่าคุ้มสุดคุ้ม เห็นพี่น้องชาวไทยเข้าคิวที่ไม่ยาวมากที่แอร์พอร์ต เบิกบานหอบหิ้วกันถุงใหญ่ ๆ คนละหลายถุงเชียว เดาเอาว่าโล่งใจทั้งผู้ให้ ที่ชีวิตไม่ต้องรันทดมาก ส่วนผู้รอรับก็ชื่นใจกับขนมอบใหม่ ๆ ทั้งอร่อยสวยใสในสภาพที่สวยเพอร์เฟ็ค