Tastin’ France 2024 by Business France of The French Embassy
Tastin’ France 2024 by Business France กลายเป็นงาน trade ประจำปี ที่คนรักไวน์รอคอย ชิมฝรั่งเศส Tastin’ France จัดโดย Business France หน่วยงานของสถานทูตฝรั่งเศสที่ส่งเสริมด้านเศรษฐกิจ โดยในปีนี้มีผู้ผลิตไวน์ 33 เจ้า บินตรงมานำเสนอ แนะนำไวน์ พร้อมพบปะกับนักธุรกิจวงการไวน์ไทย งานครึกครื้น เดินไปเดินมา เจอเพื่อนพ้องน้องพี่ โอกาสดี ชิมไวน์หลากหลาย และเรียนรู้เรื่องไวน์จากผู้ประกอบการ
ย้อนอดีต เมื่อเริ่มเรียนชิมไวน์ใหม่ ๆ ครั้งแรกสุดของชีวิตที่ไปเดินเยี่ยมชมไร่ไวน์ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ได้เข้าใจบทเรียนแรก เป็นความรู้พื้นฐานที่เบสิคที่สุด คือ การทำไวน์ให้ดี ต้องเลือกองุ่นที่ดีที่สุดเท่านั้น การเก็บเกี่ยวก็ต้องทนุถนอมไม่ให้บอบช้ำเหมือนไข่ในหิน ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เพราะเป็นน้องใหม่วงการ นึกเอาเองว่าใช้องุ่นอะไรก็เหมือนกัน ไม่เห็นจะต่างกันตรงไหน ครูเลยอุปมาอุปมัยให้ฟังว่า ผลไม้สด อย่างเช่น ส้ม สุกจัดคาต้น นำมาคั้น ก็จะได้น้ำส้มสดรสเลิศ แต่ถ้านำส้มหมดสภาพมาทำ ก็จะได้น้ำส้มคั้นแบบเน่า ๆ อธิบายมาแค่นี้ถึงบางอ้อเลย
งานนี้ มีไวน์และ spirits กว่า 300 ตัว ให้ชิม จากแคว้นหลัก ๆ ของฝรั่งเศส ดื่มไวน์ควรพอรู้เขตภูมิศาสตร์ เพราะอากาศความหนาวเย็น พื้นที่สูงต่ำ และทิศเหนือใต้ เป็นปัจจัยที่ทำให้การปลูกองุ่นไม่เหมือนกัน ยิ่งรู้จักไวน์ ยิ่งดื่มสนุก
มีแผนที่แปะให้ดู เริ่มจากฝั่งตะวันออก
เหนือสุด เป็นแคว้น Champagne
ต่ำลงมาเยื้องไปทางขวาติดชายแดนเยอรมันเป็น Alsace
ลงมาอีกหน่อยคือ Burgundy หรือ Bourgogne (บูร์กอญ) ดินแดงแห่งไวน์อันเลื่องชื่อที่สุดของโลก ใครอยากเก๋ จะเรียกว่าไวน์บูร์กอญย่อมได้
ไล่ลงมาทางใต้เป็น Rhone Valley
ด้านใต้จาก Rhone Valley แยกไปทางตะวันออก เป็นแคว้น Provence ผลิตไวน์โรเซ่ ที่บ้านเราชื่นชอบ
ส่วนด้านซ้ายเป็น Languedoc-Roussillon (ล็องก์ด็อก-รูซียง) แคว้นใต้สุดติดเทือกเขา พิเรนีส (ที่ประธานาธิบดี มาครง เพิ่งต้อนรับ ผู้ยิ่งใหญ่ สีจิ้นผิง ท่ามกลางหิมะโปรยปรายไปหมาดๆ ) และเขตแดนเสปน ไวน์เขตนี้บ้านเราอาจไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ แต่ส่วนตัวชื่นชอบ
ด้านตะวันตก
เหนือสุดแคว้น Le Normandie ผลิต Calvados (คัลวาโดส) เหล้ากลั่นบรั่นดีผสมแอปเปิ้ล จิบเป็น digestif ช่วยย่อยหลังอาหาร อร่อยสุด ๆ แต่ดีกรีแรง แอลกอฮอล์ระดับ 40 จิบแค่ shot หรือ 2 shot ก็พอ ไหน ๆ ไวน์กับชีสก็ไปด้วยกันแบบมีเธอต้องมีฉัน วงเล็บให้อีกนิดนึงว่า Le Normandie ยังเป็นดินแดนแห่งชีสนมวัว Camembert ที่รู้จักกันทั่วโลก
ไล่ลงมาเป็นแคว้น Loire (ลัวร์) ไวน์ขาวดังก็ Sancerre (ซองแซร์) จากองุ่น Sauvignon Blanc (โซวิยง บลอง)
ถัดลงมาทางใต้คือเขต Cognac ผลิตบรั่นดีจากไวน์องุ่น ในชื่อคอนญัค อีกหนึ่งความหรูหราของฝรั่งเศส
ต่ำลงมาอีกนิดตะวันตกเฉียงใต้ ก็ Bordeaux แคว้นที่ผลิตไวน์ระดับโลก ขวัญใจคอไวน์ไทย
ปีนี้ชิมไปเรื่อยๆ ท่องไปทุกแคว้น แต่เก็บไม่เยอะ ที่น่าสนใจและได้ความรู้เพิ่ม คือไวน์ ไบโอไดนามิก
Domaine Amirault – โดเมน หรือ ไร่อมิโรท์ จาก Loire Valley (ลัวร์ แวลลี่) ผลิตเฉพาะ ไวน์ไบโอ และ natural wines ไม่แปลกใจ เพราะไวน์นี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ถามไถ่ Xavier (ซาวิเยร์) และภริยา Agnes (อักแนส) เจ้าของไร่รุ่นที่ 6 ได้ความว่า Biodynamic agriculture ก่อนอื่นใดคือปรัชญา ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลดิน ไม่ทำลายดิน ไม่ใช้เครื่องจักรหนัก ๆ ปล่อยให้ดินมีชีวิตตามธรรมชาติ เมื่อดินดี รากองุ่นก็จะได้แร่ธาตุดี ผลองุ่นสมบูรณ์ ไวน์ที่ผลิตก็เพอร์เฟค
ที่น่าสนใจคือ มีการใช้ ปฏิทิน ไบโอไดนามิก เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง Zodiac sign ตำแหน่งดวงดาวบนท้องฟ้า และพระจันทร์ข้างขึ้นข้างแรม การทำงานเป็นไปตามปฏิทิน มีวันที่เหมาะกับใบ วันที่เหมาะกับดอก หรือ รากหรือวันที่ไม่เหมาะไม่ควรแตะต้องอะไรเลย ในฐานะนักเรียนโหราศาสตร์ไทย พอเข้าใจความเชื่อมโยงได้ดี
ที่มาของเกษตรกรรมทางเลือกนี้ ริเริ่มโดย Rudolf Steiner ที่ในปี 1924 เลคเชอร์ให้เกษตรกรเยอรมันที่มีปัญาหาด้านผลผลิตฟัง ต่อมา Maria Thun นำมาถ่ายทอดเขียนเป็นทฤษฎี และปฏิทิน
Search google ดู คร่าว ๆคือ แน่นอนว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ ในศาสตร์ที่ดูจะเร้นลับ (esoteric) เข้าใจยากสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่มีไร่ไวน์ระดับโลก อย่าง Romanée-Conti, M. Chapoutier, champagne Louis Roederer, Gérard Bertrand และ domaine Zind-Humbrecht ที่ฟอลโลว์วิธีนี้
และยังดังแพร่กระจาย เพราะ wine critics ผู้ทรงอิทธิพลระดับโลก อย่าง Robert Parker และ Jancis Robinson ให้ความเห็นที่เป็นคุณ