งาน opening dinner ของ Karmakamet Conveyance ในโอกาสย้าย ที่ตั้ง มาเปิดใหม่ที่ต้นซอยสุขุมวิท 49 ส้ม จุฑามาศ เทียนแท้ เชฟหญิงเก่งของเมืองไทย สร้างสรรค์ความสำราญด้วยเมนูอาหารไทยและเอเชีย ในสไตล์เฉพาะตัว โดยดึงแรงบันดาลใจจากเรื่องราวการเดินทางและความทรงจำในอดีต มาร้อยเรียงเป็นเมนู degustation 11 คอร์ส แพร์เลิศรส ด้วย แชมเปญฝรั่งเศสล้วน นำเข้าโดย Fin Wine
เรียกน้ำย่อยก่อนเข้าเมนูด้วยสุราชุมชน Miracle Water สุราดองใส่สมุนไพรสูตรปรุงเองของคุณพ่อของเชฟส้มที่เก็บไว้นานถึง 40 ปี มรดกเก่าเก็บย้อนเวลา หาไม่ได้อีกแล้ว งานนี้ถ้าไม่รักกันจริง เชฟส้มคงไม่เปิดกรุนำมาให้ลิ้มลองรสชาติกัน
จานแรก ให้ชื่อว่า ”Grains” ทำเป็นแป้งลูกกลม ๆ 3 ก้อน หน้าตาเหมือนขนมไข่เต่า หากรสไม่หวาน ปรุงในสไตล์ มังสวิรัติ ไม่มีเนื้อ ลูกแรกน่าจะเป็นชีสบอลล์ ตรงกลางคือมันเทศกับซอสพริก ตามด้วยกล้วยกับซอสมาซาล่า จานนี้กลิ่นเครื่องเทศอินเดียชัดเจน แพร์ด้วยแชมเปญ NV Blanc de Blancs Brut, Diebolt Vallois, Cramant, France ทำด้วยองุ่นสายพันธ์ Chardonnay 100 % ผลิต 60,000 ขวดต่อปี
จานสอง ให้ชื่อว่า “Warmth” เป็น Tomato consomme soup หรือ ซุปใสมะเขือเทศ
ถัดไป ชื่อ “Rain Forest” มาในโทนสีเขียว เป็นสลัดผักคลอโรฟิลล์ ด้านแชมเปญยังอยู่กับ Blanc de Blancs Diebolt Vallois ที่เสิร์ฟเป็นตัวแรก
คอร์สที่ 4 ชื่อ “Street” Hustling & Bustling รสชาติโดนใจอย่างจัง จานนี้ดึงแรงบันดาลใจจากหอยทอดเมนูขวัญใจสตรีทฟู้ด เสิร์ฟมาสองจานคู่ จานแรกเป็น Oyster Kiss หอยทอดร่วมสมัย ปรุงแยกส่วน มีหอยนางรมสด เคียงด้วยแผ่นแป้งทอดกรอบ และซอสศรีราชา โรยด้วยถั่ว กลิ่นหอยทอดหอมหวลจรุงใจยั่วน้ำลายชัดเจน ส่วนจานสองเป็นขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้ ใช้เส้นพาสต้าอิตาเลียนแทน รสชาติจัดจ้านได้ใจอร่อยมาก ใช้ส้มโอรสหวานโรยหน้าตัดความเผ็ด พร้อมไข่ดาวทอดขอบนอกกรอบในนุ่มแบบยางมะตูม บรรเจิดสุดๆ
แชมเปญเข้าคู่กับเป็น Blanc de Blancs “Prestige”, Diebolt Vallois, Cramant เบลนด้วยสายพันธ์ Chardonnay 100 % บ่มในถังโอ๊ค 3 ปี
เข้าจานที่ 5 ด้วย ”Village” ประกอบด้วยนำ้พริกปู ปลาหมึกย่าง แจ่วป่า กับบะจ่าง และวุ้นมะพร้าวที่เห็นเป็นก้อนสี่เหลี่ยมใส ๆ
แพร์ด้วยแชมเปญโรเซ่ฝรั่งเสศ ระดับ “เพรอมิเอร์ ครู” Gonet-Médeville Rosé Extra Brut 1er Cru AOC, Bisseuil Marne ผสานด้วยสายพันธ์ Chardonnay, Pinot Noir และ Pinot Meunier บ่มนาน 3 ปี
จานที่ 6 “Life” Busy & Messy เป็นลิ้นวัวตุ๋นเนื้อนุ่ม เลิศรสมาก ตักเข้าปากแล้วละลายในลิ้น เคียงด้วยหมั่นโถ และกุ้งฝอยทอด เสริมทั้งรสชาติและตัด texture
จับเข้าคู่ เป็น Champagne Blanc de Noirs Brut 1er Cru AOC, Gonet-Médeville แชมเปญระดับ “เพรอมิเอร์ ครู” จาก โกเน่ต์ เมเดอวิลล์เช่นกัน แต่ตัวนี้เป็น Blanc de Noirs ทำด้วยองุ่นสายพันธ์ pinot noir 100 % รสชาติดีมาก
ก่อนไปต่อ ล้างปากด้วยไอศกรีมดอกเกลือ ”Fleur de sel” เคียงด้วยลูกไหน และสลัดผลไม้
จานที่ 7 เป็น “Pre Motion” Back & Forth เสิร์ฟมาเป็นปลาดิบ หอมกลิ่นรมควันมาก คล้ายๆ ซูชิ มีข้าวสอดไส้ด้านล่าง จานนี้ให้ใช้มือหยิบกิน
เคียงด้วย NV Champagne Brut Rosé, Diebolt-Vallois, Cramant
จานที่ 8 “Motion” Balance เป็นปลา Dover Sole เสิร์ฟกับซอสแชมเปญ เคียงด้วยดอกซูกินีทอด และสตูว์ผักราตาตูย (Ratatouille)
ด้านแชมเปญยังคงอยู่กับโรเซ่ตัวก่อน Champagne Brut Rosé, Diebolt-Vallois, Cramant
จานที่ 9 เมนคอร์ส ”Wealth” The unnecessities เป็นเนื้อแกะย่าง เสิร์ฟพร้อมข้าวบริยานี และซอสเซียนน่าของอินเดีย
ด้านแชมเปญเป็น Champagne Blanc de Noirs Brut 1er Cru AOC, Gonet-Médeville
จานที่ 10 “Celebration” เป็น pre dessert คือ เหล้าดอง Sangria ทำเป็นน้ำแข็งใส เคียงด้วยฟรุ๊ตสลัด เต้าฮวย และมะพร้าวฉีกโรยหน้า
ทิ้งท้ายกันด้วย “Farewell” ของหวานไทย-อินเดียหน้าตากระจุ๋มกระจิ๋ม มี จามุนเค็ก milk curd ทองหยิบ ห่อด้วยเงินเปลว
จิบชุ่มฉ่ำกับแชมเปญ Blanc de Blancs “Prestige”, Diebolt Vallois, Cramant