Chaine des Rotisseurs Italian Style at Angelini

Premier gastronomic association Chaine des Rotisseurs hosted an Italian dinner at the well-established Angelini restaurant of the Shangrila Hotel. For this occasion Chef de Cuisine Omar Ugoletti, a native of Marche in central Italy, presented 7 courses of decadent Italian cuisine paired with Italian wine, provided by Texica. Chaine des Rotisseurs Thailand originates from France with the objective of promoting the art of fine dining presenting high quality cuisine along with the pleasures of the table.

By Atiyanee Mathayomchan / Dr. Chatdanai Musigchai

ค่ำคืนนี้มาร่วมงานของสมาคมนักชิมระดับสากล ที่รู้จักกันในนาม Chaine des Rotisseurs (เชน เดส์ โรติสเซอร์ส) รูปแบบคืองานสังสรรค์ระหว่างสมาชิก จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นประจำเกือบทุกเดือน  เพื่อเชิดชูศิลปะการปรุงอาหาร  ควบรวมไปถึงความสุนทรีย์ในการรับประทานอาหาร อันเป็นวัตถุประสงค์หลักของสมาคม ฯ ที่มีต้นแบบมาไกลจากฝรั่งเศส   ประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นตำนานในเรื่องของการกิน

ครั้งล่าสุดที่ผ่านมา  เป็นงานสไตล์อิตาเลียน  จัดขึ้นที่พื้นที่ชั้นบนของห้องอาหาร Angelini  โรงแรมแชงกรี-ล่า Chef de Cuisine Omar Ugoletti จากแคว้น Marche ใน Central Italy โชว์ลีลาสุดฝีมือสร้างสรรค์อาหาร 7 คอร์ส เสิร์ฟรสชุ่มช่ืนใจพร้อมไวน์อิตาเลียนล้วน จัดให้โดย Texica Wine  มื้อนี้จึงเปรมปรีดิ์ในแบบ  A Taste of Italy โดยแท้

IMG_7341

IMG_7345

IMG_7351

เปิดบรรยากาศเข้างานกันด้วยค็อกเทล สังสรรค์พร้อม Prosecco สปาคกลิ้งไวน์ที่ข้ึนชื่อของอิตาลี ขวดนี้เป็น ‘Spumante Millesimato Bottega’ มีแหล่งที่มาจากแคว้น Veneto เสริฟเรียกน้ำย่อยพอเป็นพิธีพร้อมคานาเป่หลายอย่างให้ชื่นมื่น แล้วจึงเข้าดินเนอร์

โต๊ะอาหาร จัดเป็นโต๊ะยาวโต๊ะเดียว ตกแต่งเรียบหรูดูดี บนโต๊ะมีจานพร้อม napkin จานขนมปังพร้อมน้ำมันมะกอก แก้วน้ำ แก้วไวน์ต่างขนาด และเมนูอาหารของมื้อที่จัดวางไว้อย่างเพียบพร้อม พร้อมด้วยป้ายชื่อแขกที่เจ้าภาพงานจัดที่นั่งไว้แล้วล่วงหน้า

Chaine-32

IMG_7331

The ‘Spumante Millesimato Bottega’ lightened  up the evening, followed by dinner  served  in the modern chic  atmosphere of the upper floor of the Angelini restaurant.

The ‘Spumante Millesimato Bottega’ lightened up the evening, followed by dinner served in the modern chic atmosphere of the upper floor of the Angelini restaurant.

เสริฟขนมปังกันก่อน  แล้วเข้าคอร์สแรกด้วย ‘Fine de Claire Oyster’ หอยนางรมฝรั่งเศสจานนี้มาแปลกหน่อย เพราะเสริฟคู่กับเชอร์เบทรสต้มยำที่ดึงแรงบันดาลใจมาจากซุปช่ือดังของบ้านเรา   เสริฟใส่มาในแก้วใสเสียบตะไคร้  รสเด่นเปรี้ยว  มีส่วนผสมของพริกน้อยมากแม้จะใช้ชื่อว่าต้มยำ  รสจึงออกเผ็ดแค่นิดเดียวพอได้อารมณ์   บางเบากินกับออยสเตอร์แล้วเป็นการเร่ิมที่ได้รสสดชื่นดี

IMG_7358

A ‘Freshly Shucked Fine de Claire Oyster with “ Tom Yum” Sorbet’. The oyster, with its fresh from the sea taste, was well enhanced by a refreshing sorbet with mild ‘Tom Yum’ spices, inspired by the local cuisine.

ไวน์เข้าคู่เป็น ‘Langhe Arneis Cordero Di Montezemolo 2012’ ใสสะอาด ดราย และ crispy จบสวยงามด้วยรสขมบาง ๆ  เสริมรับกับหอยนางรมได้เข้าท่าดี

IMG_7357

The dish was complimented by a ‘Langhe Arneis Cordero Di Montezemolo 2012’, a dry, crisp and clear white wine with a bitter finish from Piedmont.

จานที่สองเป็น ซุปลอปสเตอร์เลื่องชื่อที่มีชื่อเรียกว่า ‘Lobster Bisque’ กับจานนี้รสชาติเร่ิมเข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้เครื่องเคียงเป็น ‘Pappa al pomodoro’ หรือมะเขือเทศตุ๋นจนเปื่อยที่เรียกว่ากงฟีต์ (confit) วางเป็นฐานรับลอบสเตอร์อยู่ด้านล่าง ควบด้วย ‘Poached Lobster Tail’ ส่วนหางของกุ้งที่นำไปต้มวางซ้อนไว้ด้านบน

IMG_7513

IMG_7516

Second was a ‘Lobster Bisque served with “Pappa al pomodoro” and Poached Lobster Tail’. We loved this well flavored bisque, delightfully enriched by both tomato confit and the poached tail.

ตามมาเป็น ‘Pan Fried Foie Gras’ อาหารหรูยอดนิยมของคนไทย ปรุงสุกได้อย่างพอดิบพอดีในซอส ‘Port Red Wine’ รีดักชั่น  ซ่อนสอดใส่ไว้ด้วยกลิ่น grape fruit จาง ๆ สุดท้ายใช้ลูกองุ่นสดตัดความมันเข้มข้นของตับ ทั้งยังเสริมความสดชื่น

แล้วแมทช์ด้วย ‘Morellino di Scansano Biondi Santi 2009’ ไวน์แดงตัวแรกของมื้อจากแคว้นทัสคานี  ซับซ้อน และบอดี้ดี

IMG_7529

Up next was a ‘Pan Fried Foie Gras’, perfectly cooked in a ‘Port Red Wine Sauce’ with a hint of grape fruit , and nicely matched with a complex and well structured ‘Morellino di Scansano Biondi Santi 2009’.

IMG_8113

ต่อกันด้วย ‘Slow Cooked Lamb Ragout Ravioli on Cauliflower and Smoked Bacon Puree, Beetroot Relish and Rosemary Jus’ เป็นราวิโอลี่เสริฟเรียงกันมา 3 ช้ิน ทำด้วยแป้งนวดมือ หรือ home made pasta ปรุงสุกระดับ al dente พอกรุ๊บ ๆ ยังไม่ถึงกับสุกดี  ด้านในสอดไส้ด้วยสตูว์เนื้อแกะ นุ่มเนียน รสชาติหอมชัดเจนดีมาก  เสิรฟกับปูเร่ดอกกระหล่ำใส่เบคอนรมควัน  และวางชิ้นเบคอนเคียงอยู่ด้านข้าง  ตามด้วยซอสบีทรูทปรุงให้หอมด้วยกลิ่นโรสแมรี่

IMG_7544

A ‘Slow Cooked Lamb Ragout Ravioli on Cauliflower and Smoked Bacon Puree, Beetroot Relish and Rosemary Jus’. Another tasty dish that was beautifully prepared. The freshly made pasta stuffed with lamb ragout farce was intensified to its full flavor by the smoked bacon and beetroot.

จับคู่กัน เป็น Brunello  ไวน์เลื่องชื่อ   อีกหนึ่งยอดนิยมของคนไทย ตัวนี้เป็น  ‘Brunello di Montalcino Biondi Santi 2006’  ผสานผสมกลมกลืนทั้งแทนนินและ acidity เข้มข้น full body เข้ากับสตูว์แกะได้ดีมาก

IMG_8126

IMG_8129

The wine was one of our favourite, a “Brunello di Montalcino Biondi Santi 2006” , warm with well balanced tannins and acidity.

มาถึงเมนคอร์ส เป็น ‘Grilled Wagyu Tenderloin Served with Creamy Polenta, Endive, Buttered Snow Peas, Baby Carrots, Beef and Thyme Jus’ เนื้อวางิวปรุงสุกได้พอดี เนื้อนุ่มหวาน  ผักเคียงเป็นโปเลนต้า อาหารจากทางเหนือของอิตาลีปรุงด้วยข้าวโพด  รสออกกลางๆ   แล้วมี Endive ตุ๋น ได้อร่อยหวานชุ่มฉ่ำมาก  ทั้งคู่เสริมเข้ากับรสเข้ม ๆ ของเนื้อได้เยี่ยม เพิ่มความกรอบด้วยแผ่นแป้งกรอบด้านบน ถั่ว snow pea และเบบี้แครอต  ส่วนซอสเป็นน้ำจากเน้ือปรุงด้วยสมุนไพรไธม์

IMG_8154

The main course was a ‘Grilled Wagyu Tenderloin Served with Creamy Polenta, Endive, Buttered Snow Peas, Baby Carrots, Beef and Thyme Jus’, served with a Tuscan ‘Sodi di San Niccolo Castellare 2008’. An excellent match of the evening!

แพร์ด้วยไวน์ตัวที่เป็นที่สุดของมื้อนี้ ‘Sodi di San Niccolo Castellare  2008’  ไวน์ทัสคานี รสเข้มข้น แทนนินดี acidity ดี รสชาติดีมาก

IMG_8146

IMG_8149

ก่อนสุดท้าย เป็นชีสอิตาเลียน 3 อย่างรสเข้มข้น  มี Cuise Malt and Whisky,  Gorgonzola Tosi และ Golden Gel เสริฟพร้อมมะเดื่อเชื่อมให้มีรสออกหวาน ๆ ตัดทั้งความเข้มและรสออกเค็มๆ ของชีส

IMG_7889

Leading into dessert, there were 3 different kinds of Italian Cheese namely, Cuise Malt and Whisky, Gorgonzola Tosi and Golden Gel, accompanied by an elegant, full bodied ‘Barolo Sarmassa Marchesi di Barolo 2007’ with spicy notes.

ไวน์เข้าคู่เป็น Barolo ที่เลื่องชื่ออีกตัวของอิตาลี ตัวนี้เป็น ‘Barolo Sarmassa Marchesi di Barolo 2007’ มีกลิ่นเครื่องเทศ elegant และ full body

IMG_7891

จบหวาน ๆ สุดท้ายด้วย ‘Saffron Peach with Peach Ice Cream’ เป็นลูกพีชเชื่อมใส่กลิ่นหญ้าฝรั่นพอหอมปากหอมคอ  เคียงด้วยไอศกรีมปรุงด้วยลูกพีชต้มแล้วนำไปบดพร้อมเปลือก  สีจึงออกมาเข้มสวย  ทั้งกลิ่นและรสชาติอร่อยได้ใจไปเต็ม ๆ

IMG_8190

The evening concluded with a sweet treat of ‘Saffron Peach with Peach Ice Cream’ served with a lovely sweet wine ‘Vin Santo Castellated di Castellina 2006, also from Tuscany.

IMG_7900

จานนี้เสริฟคู่กับไว์ตัวสุดท้ายของมื้อ  ‘Vin Santo Castellated di  Castellina 2006′ เป็นไวน์หวานจากแคว้นทัสคานี  รสหวานปานกลาง มีความเป็น mineral ซับซ้อน  เสริมรับกับพีชเป็นฉากปิดสุดท้ายได้กลมกล่อมเชียว

Chaine-178IMG_7884IMG_7569IMG_7875Chaine-49Chaine-56Chaine-55IMG_7573IMG_8066

 

 

 

Related posts: