Karmakamet Conveyance เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ณ ล้ง 1919
Karmakamet (คามาคาเมต) แบรนด์เครื่องหอมและผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ นำเสนอร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งคอนเซปต์ใหม่ “Karmakamet Conveyance” ในงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีแขกผู้มีเกียรติหลายวงการมาร่วมแสดงความยินดี
จุดเริ่มต้นของประสบการณ์การกินดื่มต่างจากใครครั้งใหม่นี้ ได้ร้อยเรียงเรื่องราวของอาหารเข้ากับประวัติศาสตร์ไว้อย่างกลมกลืน บนพื้นที่มรดกทางวัฒนธรรม ณ ล้ง 1919 ซึ่งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2393 เมื่อครั้งที่ประเทศสยามได้รับอิทธิพลความเจริญจากการเปิดการค้าเสรีกับต่างชาติทางแม่น้ำเจ้าพระยา
ที่ Karmakamet Conveyance ซึ่งซ่อนตัวอยู่ด้านหลังร้านจำหน่ายเครื่องหอม เชฟส้ม จุฑามาศ เทียนแท้ หนึ่งในเชฟหญิงคนเก่งของเมืองไทย รับหน้าที่ส่งต่อมื้ออาหารที่เต็มไปด้วยเรื่องราว ความทรงจำและการเดินทางของอดีตที่ผ่านมา
“รสชาติและสัมผัสของอาหารที่อยู่ในเมนู ถือเป็นส่วนสำคัญของการสร้างประสบการณ์ที่ Karmakamet Conveyance” เชฟจุฑามาศอธิบาย และเปรียบเทียบว่าเมนูอาหารของ Karmakamet Diner บนถนนสุขุมวิท คือการโคจรของวัฒนธรรมตะวันตกมาสู่อีกซีกโลกหนึ่งคือตะวันออก “ส่วนที่ Karmakamet Conveyance อาหารบางจาน อาจทำให้หวนคิดถึงความทรงจำในอดีต ที่ ๆ เคยไปเยือน หรือบางช่วงเวลาของชีวิต บางจานก็อาจจะสร้างความทรงจำใหม่กลับไป”
เชฟจุฑามาศทลายกำแพงความเป็นทางการในเมนูอาหารทั้ง 7 คอร์ส โดยนำความทรงจำบางช่วงบางตอนของชีวิตมาเล่า จับเข้าคู่กับไวน์ไบโอไดนามิก จากผู้นำเข้าไวน์ออร์แกนิกด้วยความพิถีพิถัน โดยเบ็ญจวรรณ วิสุทธิ์สัตย์ กรรมการผู้จัดการ Fabulous is Needed ที่รู้จักกันดีในนามของ Fin Wine
การเดินทางเริ่มต้นด้วย Teaser หมายเลยหนึ่ง “Emotional Seascape: humid morning by prachuab khiri khan bay” หรือ “เช้าวันสดชื่นริมอ่าวประจวบ” แรงบันดาลใจจากความทรงจำในวัยเด็กที่บ้านเกิดของเชฟในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีอากาศชื้น ๆ กลิ่นทะเล และกลิ่นของปลาเค็มริมฝั่ง ถ่ายทอดผ่านเยลลี่น้ำมะพร้าวท็อปด้วยปลาเค็ม มูสกะทิ และไข่ปลาสลิดทอดกรอบ
จับคู่กับ Bouvet Brut Rosé Excellence จาก Bouvet-Ladubay ในแคว้นลัวร์ของฝรั่งเศส มีความดรายเเละแอซิดิตี้เหมาะกับรสเค็มและอูมามิของคอร์สนี้
ตามด้วย Teaser หมายเลขสอง “East China Sea: the sustenance of voyages past” ย้อนรำลึกถึงเมื่อครั้งบรรพบุรุษเดินทางจากจีนมาไทย แล้วจินตนาการว่า อาหารบนเรือสำเภาที่ใช้เดินทางมาน่าจะเป็นซุปปลาอุ่น ๆ โรยหน้าด้วยปาท่องโก๋ อย่างเช่นซุปถ้วยนี้
จากนั้นเข้าเมนูด้วย “Bangkok Street No. 1: oyster kiss / pici noodles” ซึ่งก็คือ ผัดไทย-หอยทอด จานแรกของซีรี่ส์ Bangkok Street ที่จะทยอยเผยในจานต่อๆ ไป จานนี้เป็นการตีความผัดไทย-หอยทอด ดูโอ้สุดฮิตในแบบของเชฟจุฑามาศ ใช้หอยนางรมสด Majestic นำเข้าจากฝรั่งเศส พร้อมซอสสูตรลับของเชฟ เสิร์ฟพร้อมแป้งที่ทอดจนเหลืองกรอบวางซ้อน โรยถั่วงอกที่ใช้เฉพาะส่วนหัวเพิ่มความมันกรอบ จัดวางมาบนน้ำแข็งรองรับด้วยงานเซรามิกปั้นรูปมือ ส่วนผัดไทยประยุกต์ใช้เส้นอิตาลีเป็นพาสต้าพิชิโฮมเมดกับซอสสูตรพิเศษของเชฟ ผัดกับผักดองโบราณที่ตุ๋นกับลูกสมอ ตามครบสูตรด้วยถั่วบด เต้าหู้ และถั่วงอก ตักเข้าปากโดนใจทั้งกลิ่นและรสชาติผัดไทย
จานนี้บาลานซ์ด้วยไวน์ที่มีความเบาและรสสดชื่นอย่าง 2015 KAITUI Sauvignon Blanc จาก Markus Schneider ผู้ผลิตไวน์มือหนึ่ง ไวน์ตัวนี้มีชื่อเรียกเล่น ๆ ว่า ไวน์โอบาม่า เพราะเป็นไวน์ที่เสิร์ฟให้กับ อดีตประธานาธิบดี Barack Obama ระหว่างการมาเยือนเมืองเบอร์ลินอย่างเป็นทางการในปีพ.ศ. 2556
จานสอง “Philippines: pork adobo / rice cake bun / roasted coconut and galangal filling” จากความหลังเมื่อครั้งที่เชฟได้รับเชื้อเชิญให้ไปเป็น guest chef ที่ประเทศฟิลิบปินส์ ดูเผินๆ นึกว่าขนมปังหน้าหมู แต่จริง ๆ คือหมั่นโถกับหมูตุ๋นในแบบของเชฟ รสชาติจัดจ้านดีมาก แพร์กับไวน์สีชมพูจากสเปน 2015 Rosado Cabernet Sauvignon DO, ENATE, Somontano เป็นไวน์โรเซ่ฟูลบอดี้ แอซิดิตี้ดี อาฟเตอร์เทสต์ดี จบนาน สมกับรางวัล Golden Bacchus ในหมวดไวน์โรเซ่สัญชาติสเปนที่ดีที่สุด 3 ปีซ้อน
จานสาม “Hainan: unforgettable braised chicken thigh / steamed aromatic rice / tao si – lime dip / energy soup” ข้าวหอมและน่องไก่ตุ๋น เป็นเวอร์ชั่นข้าวมันไก่เสิร์ฟมาในซุปไก่เสริมกำลังใส่สมุนไพรจีนรสเข้มตุ๋นนานวัน ไม่ลืมเคียงด้วยน้ำจิ้มข้าวมันไก่เต้าซี่ จับคู่กับ 2012 Dame de Respide Graves Rouge, Gonet-Médeville, Bordeaux ไวน์แดงจากแคว้นกราฟส์ บอร์กโดซ์ ฝรั่งเศส
จานสี่ “Hong Kong: Karmakamet Signature Beef Tongue / flat rice noodles / beef ball / crisp shrimp pancake / incredible chili jelly” นำประสบการณ์การเดินทางไปเกาะฮ่องกงหลายต่อหลายครั้งของเชฟมาถ่ายทอด ผ่านวัตถุดิบพระเอกของเชฟ คือลิ้นวัวตุ๋นวางบนก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่รสเหนียวหนึบ เคียงด้วยแพนเค้กกุ้งทอด และลูกชิ้นเนื้อวัวที่ทำจากเนื้อล้วน ๆ รสชาติคุ้นเคยคล้ายก๋วยเตี๋ยวเนื้อจานนี้ ประกอบด้วยรสสัมผัสแต่ละอย่างที่ให้ความแตกต่าง เสริมความกลมกล่อมด้วยเครื่องเทศ และเจลลี่พริกน้ำส้มรสเผ็ดให้แต่งเติมความจี๊ดจ๊าดได้ตามชอบ
ไวน์เข้าคู่ 2014 Blaufränkisch Leithaberg DAC จาก Gernot Heinrich ผู้ผลิตไวน์แบบไบโอไดนามิกซูเปอร์สตาร์จากประเทศ Austria เบ็ญจวรรณ วิสุทธิ์สัตย์ MD แห่ง Fin-Fabulous เป็นผู้คัดสรรไวน์องุ่น Blaufränkisch เองกับมือ คาแรกเตอร์โดดเด่นขององุ่นสายพันธ์นี้ คือคุณลักษณะพิเศษที่คล้ายกับสายพันธ์ Pinot Noir บวกกับกลิ่นจาง ๆ ของเครื่องเทศในแบบ Syrah
คั่นตอนใกล้จบ “Memory of Summer Days: tropical fruits / rum / samut songkram fleur de sel ice cream” รสสดชื่นรัญจวนใจด้วยสลัดผลไม้เมืองร้อนของบ้านเรา ทั้ง กระท้อน สละ ลองกอง น้อยหน่า มะพร้าวกะทิ เคียงด้วยไอศกรีมดอกเกลือ
จานที่ห้า “Emotional Landscape – Petchburi: tamarind curry with pork belly / salted fish from the corner house / temple fish cake / grandma’s rice noodles / rice that we grow” เป็นข้าวราดแกงใบมะขามอ่อนกับปลาเค็มทอดเคียงด้วยพริกขี้หนูกับหอมซอย ในถ้วยเสิร์ฟแยกเป็นขนมจีนน้ำพริกคุณยายกับทอดมันยัดไส้ใบโหระพาในแบบของเมืองเพชรบุรี แพร์กับไวน์อิตาลี 2013 Chianti Classico, Castello di Volpaia, Tuscany
เมนคอร์ส “Southern Thailand Coast: spiced-coconut crab / curried corn patty / yellow rice / coriander chutney / fried cempedak fruit” ผสมผสานอาหารทะเลจากภาคใต้ของไทยเข้ากับรสชาติอาหารอินเดียที่ชวนให้คิดถึงบ้านอีกหลังของของเชฟ ในฐานะอดีตนักศึกษาภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัย Visva – Bahrati ที่ใช้ชีวิตในรัฐเบงกอลตะวันตกอยู่ถึง 6 ปี จานนี้นำเนื้อปูมาปรุงกับกะทิและเครื่องเทศวางมาในกระดองปู เสิร์ฟพร้อมข้าวโพดทอดผสานเครื่องเทศ ข้าวหมกบิริยานีแบบดั้งเดิม และจำปาดะทอดของดีจากปักษ์ใต้ ที่เพิ่มรสชาติความหวานฉ่ำและรสออกถั่วมัน ๆ ให้กับจานนี้ สุดท้ายเคียงด้วยชัทนีย์ผักชีรสเปรี้ยวตัดสดชื่นกับความฉุนของเครื่องเทศ แพริ่งกับ 2013 Carménère ARMADOR ไวน์แดงคลาสสิก แน่น และมีอโรมาวานิลลาจากเนื้อไม้อยู่ในตัว จากไร่องุ่น Odfjell ประเทศชิลี
จบสุดท้าย “Darjeeling Afternoon Tea: gularb jamun cake / raj gula cake / raj malai / garam masala lemon tea / old-fashioned donut” อีกหนึ่งความหลังจากอินเดียของเชฟ ขนมรสแสนหวานมีทั้งกุหลาบจามุน ขนม Raj Kula ทำมาในแบบของชีสเค็ก Raj Malai และโดนัท แพร์ด้วยไวน์ขาวรสนุ่มละมุน 2013 Gewürztraminer Les Éléments AOC, Domaine Bott-Geyl, Alsace, จากฝรั่งเศส รสชาติแน่นของผลไม้ ทั้งผลไม้แห้งและซิตรัส ฟูลบอดี้ ปิดท้ายด้วยอาฟเตอร์เทสต์รสหวานละมุน
เชฟจุฑามาศพูดถึง “Karmakamet Conveyance” ว่า “เป็นการคิดแบบทลายแนวคิดเดิมๆ คิดต่างออกไปจากสิ่งที่มักมาตีกรอบความคิด การใช้ชีวิต และมุมมองของเราต่อสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัว”
“บางครั้งขนบธรรมเนียมหรือกฎข้อบังคับของสังคมนั้น ทำให้ตัวตนแท้จริงของเราห่างหายไป เราจึงอยากจะพาทุกคนก้าวผ่านความกลัว เพื่อค้นพบหนทางใหม่ที่เราสามารถถ่ายทอดความความเป็นตัวเองที่มีชีวิตชีวา มีอิสรภาพที่จะแสดงออก สิ่งนี้ต่างหากที่สามารถนำเราไปสู่ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ได้มากกว่าการทำตาม ๆ กันบนความคิดเห็นหรือบรรทัดฐานแบบเดิมของสังคม คือการปล่อยให้ทุกสิ่งอย่างดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็น”
7 คอร์ส ราคา 2,500++ บาท
จับคู่กับไวน์ ราคา 1,800++ บาท
กรุณาสำรองโต๊ะล่วงหน้า
โทร: (+66) 2 116 3990
อีเมล: Reservation@karmakametconveyance.com
เว็บไซต์: www.karmakametconveyance.com
Karmakamet Aromatics
เปิดทุกวัน 08:00 – 20:00 น.
Karmakamet Conveyance
เปิดทุกวัน 18:00 – 24:00 น.
เกี่ยวกับ Karmakamet
จุดเริ่มต้นของ Karmakamet มาจากครอบครัวที่อพยพมาจากมณฑลไห่หนาน ประเทศจีน ความรู้ในศาสตร์ยาจีนและการทำธูปหอมส่งต่อมาถึงครอบครัวรุ่นแรกที่ได้ประกอบกิจการร้านยาและเครื่องหอม Karmakamet ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2514 ขณะที่ร้าน Karmakamet ที่เราเห็นในปัจจุบันก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2544 โดยคุณเอก ณัทธร รักษ์ชนะ ทายาทรุ่นที่ 3 ของครอบครัวและได้ขยายธุรกิจตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนกระทั่งปีพ.ศ. 2556 ภายหลังการสร้างแบรนด์เครื่องหอมจนประสบความสำเร็จ Karmakamet จึงได้ก้าวเข้าสู่วงการอาหารด้วยการเปิดร้าน Karmakamet Diner ร่วมกันกับเชฟจุฑามาศและเพื่อน ๆ ของเขา
จุฑามาศ เทียนแท้ เชฟและผู้ก่อตั้งร้าน Karmakamet Diner และ Karmakamet Conveyance
เชฟจุฑามาศ เทียนแท้ จบการศึกษาด้านภาพพิมพ์จากประเทศอินเดีย ความหลงใหลในการทำอาหารทำให้เธอตัดสินใจที่จะยึดอาชีพนี้ และหาประสบการณ์ทำงานเพิ่มในร้านอาหารมาหลายแห่งก่อนที่จะมาเปิด Karmakamet Diner เธอเล่าว่าการมีความเข้าใจในด้านศิลปะช่วยยกระดับความคิด ความสร้างสรรค์ และจินตนาการในการทำอาหารของเธอได้เป็นอย่างดี เพราะ“ความสมบูรณ์แบบนั้นมาจากการให้ความสำคัญกับรายละเอียดและความละเมียดละไมในทุกขั้นตอน”
“เราเชื่อในความสมบูรณ์แบบของมื้ออาหารดี ๆ กับคนที่เรารัก มันอธิบายภาพความสัมพันธ์ของเราทุกคนได้ และเพราะเหตุนั้นทำให้เราเลือกที่จะทำงานในครัว ทำร้านอาหาร เพราะเราอยากจะเห็นโมเมนต์มีความสุขของคนที่ได้กินอาหารอร่อย ๆ และยิ่งทำให้เราอยากมีส่วนสร้างความสุขนั้นให้มากขึ้นไปอีก”