หนึ่งใน 2 ห้องอาหารระดับ 3 ดาวมิชลิน พะยี่ห้อ Alain Ducasse ที่ไฝ่ฝันอยากไปมากที่สุด ก็คือ Restaurant Alain Ducasse ที่โรงแรม Plaza Athenee กรุงปารีส และ ห้องอาหาร Le Louis XV ที่ โมนาโค
ทั้งสองเป็นห้องอาหารที่เชฟระดับโลก Alain Ducasse กำกับดูแลจนได้รับเกียรติติดดาวมิชลิน สูงสุดถึง 3 ดวง พร้อม ๆ กันทั้งสองแห่ง งานนี้ดังระเบิดเถิดเถิงและเป็นที่ฮือฮากันทั้งวงการ เพราะ (น่าจะ) เป็นเชฟฝรั่งเศสคนแรกที่ได้รับการยกย่องด้วยรางวัลดาวมิชลิน 6 ดวงในปีเดียวกัน ซึ่งถ้าย้อนความหลังไป ครั้งแรกครั้งนั้นน่าจะเป็นในปี 1997 ส่วนตอนนี้ ห้องอาหารทั้งสองแห่ง (ซึ่งยังคงคุณภาพและความดังระดับสามดาว) และอีกหลายร้านอาหารในเครือ Alain Ducasse ที่คว้าดาวมาประดับจนนับแทบไม่ถ้วน
วันนี้พามาเยี่ยม เรสเตอรองท์ อแลง ดูกาส (Restaurant Alain Ducasse) ที่กรุงปารีสกันก่อน เซอร์ไพรส์นิดหน่อย จองคิวไม่ยาวมาก เบาะๆ แค่ 10 กว่าวัน โทรไปก็ได้โต๊ะสมดังอารมณ์หมาย แต่ถึงวันจอง เกิดมีเหตุไปสาย 10 กว่านาที มีอันใจหายนึกว่าจะชวด เพราะห้องอาหารระดับนี้ หากไปสาย เค้าจะปล่อยโต๊ะไปเลย แต่โชคยังช่วยร้านเก็บโต๊ะไว้ให้ ไม่มีใครมาแย่งไปก่อน ความฝันที่รอคอยมานานเลยกลายเป็นจริง
ร้านอาหารตั้งอยู่ในโรงแรม พลาซ่า แอทธินี บนถนนมงแตนญ์ (Montaigne) ย่านช้อปปิ้งหรูหราชื่อดังของกรุงปารีส อยู่ไม่ไกลจาก ถนน ฌ็อง เอลิเซ่ (Avenue Champs Elysees) ที่เป็นเหมือนความฝัน ใคร ๆ ก็อยากมาสัมผัส กระซิบให้หน่อยว่า คนรวยจริงและมีรสนิยมเค้ามาช้อปกันที่นี่ ส่วนคนไม่รวยมาเดินเล่นช้อปกระจกหน้าต่างได้ไม่ว่ากัน
เดินผ่านสถาปัตยกรรมด้านหน้าของโรงแรมที่งดงามจนไม่ว่าใครที่ผ่านไปผ่านมาต้องหยุดมอง มาถึงห้องอาหารที่ตกแต่งในแนวคลาสสิกฝรั่งเศสผสานความร่วมสมัย อลังการไม่แพ้กัน
เข้าที่แล้วก็เข้าเรื่องกันด้วยแชมเปญ สั่งมาจิบเป็น อะเปริติฟ (apéritif) เรียกน้ำย่อยก่อนอาหาร โดยปรกติร้านอาหารระดับ 3 ดาวมิชลินในฝรั่งเศส มักนำเสนอแชมเปญ 3 อย่างให้เป็นตัวเลือก สุดแล้วแต่ความชอบและรสนิยมของแต่ละคน ซึ่งมื้อนี้เลือก แชมเปญ Alain Ducasse ที่เป็นแชมเปญสั่งทำโดยเฉพาะ ก็มาบ้านเค้าทั้งที่ ก็ต้องลองแชมเปญของเขานั่นแหละ
นั่งเก้าอี้ยังไม่ทันร้อน ก็มีจานเรียกน้ำย่อย pre amuse bouche มาเสริฟ เป็นเครื่องดื่มสีส้มอมชมพูสวยใส น่าจะเป็นน้ำผลไม้ผสานหลายอย่างใส่น้ำแข็งรับลมร้อน แบบที่บ้านเราชอบ เคียงด้วยแป้งคุกกี้เมล็ดธัญพืชแผ่นบาง รองท้องไปก่อน
จากนั้น ตามมาด้วย amuse bouche 3 แบบ มีแตงกวาฝรั่ง เนื้อปลาทูน่าชิ้นหนาเสริฟมาบนแผ่นข้าวเกรียบกรอบ และสุดท้ายครีมมูสสีเขียว
แล้วเข้าจานแรกกันด้วยกุ้ง Gamberoni ตัวขนาดเขื่อง เนื้ออร่อยเหนียวหนึบหนับ เคียงด้วยกระเทียมลีคต้นยาวรสสดชื่น กุ้งฝอย และซอสกลมกล่อม ที่พนักงานมาเทให้บนจานขณะเสริฟ
เคียงด้วยไวน์ขาวรีสลิง จากแคว้นอัลซาซของฝรั่งเศส
กับเมนคอร์สเลือกไวน์แดง Côte-Rôtie จากแคว้น Rhone ทางทิศตะวันออกของฝรั่งเศส
เสริฟพร้อมรูเชท์ (Rouget) ปลาเนื้อแดง ปรุงสุกพร้อมเกล็ดท่ีให้ texture กรอบตัดกับเนื้อนุ่มของฟิเล่ต์ปลา เคียงด้วยซอสหอมใหญ่และไวน์แดงรสชาตินุ่มนวล และผักสลัดที่เสริฟมาในถ้วยแยกต่างหาก
จบเมนคอร์ส มาถึงของหวาน เลือกไวน์หวาน ชาโต้ ซูดุยโรต์ (Chateau Suduiraut) ไวน์ระดับ premier cru ที่เลื่องชื่อของตำบล Sauternes แคว้นบอร์กโดซ์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส
ส่วนของหวานเลือกสตอร์เบอร์รี่ เสริฟอลังการมี 3 แบบ ตามด้วยชีสนมแพะ
ตามด้วยของหวานจานที่สอง เป็น complimentary จากร้านที่เอาใจกันสุดขีด แถมมาให้เพราะบอกไปว่าอยากชิมรูบาร์บจานนี้ด้วย สดชื่นด้วยรสอมเปรี้ยว สมกับเป็นขนมหวานแห่งฤดูร้อน
แถมเป็นความรู้กันนิดนึงว่า ของหวานจานนี้ ให้ชื่อว่า Rhubarbe du Petit Trianon คือเป็นผักที่เก็บมาจาก Petit Trianon เป็นประมาณหมู่บ้านหรือวังขนาดเล็กของพระนางมารี อ็องตัวแน็ตของฝรั่งเศส ในยุคศตวรรษที่ 18 และเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังแวร์ซาย ในปัจจุบันพื้นที่สวนหนึ่งของสวนสวยใหญ่โตมหึมาของพระราชวัง นำมาทำประโยชน์ทำเป็นสวนปลูกผักสวนครัว และพืชผักจากสวนแห่งนี้กลายมาเป็นแหล่งวัตถุดิบของครัว Restaurant Alain Ducasse ที่เชฟจะไปกำกับดูแลด้วยตัวเอง connection ระดับนี้ มีหรือจะธรรมดา
สุดท้าย เป็น mignardises ขนมคำเล็กที่เสริฟพร้อมชาหรือกาแฟ ที่เป็นสตรอว์เบอร์รี่สดและช็อกโกแลตชั้นดี