เมื่อเร็ว ๆ นี้ “สวรรค์” (Saawaan) ห้องอาหารไทยระดับหนึ่งดาวมิชลินในซอยสวนพลู ได้มีโอกาสต้อนรับเชฟชาติชาย กลั่นกลอง (Chatchai Klanklong) จาก ออคิเด (L’Orchidée) ร้านอาหารไทยร้านแรกและร้านเดียวในฝรั่งเศส ที่เปิดร้านได้ปีกว่าก็ได้รับรางวัลดาวมิชลิน
เชฟชาติชายเล่าว่า อพยพตามครอบครัวไปอยู่ประเทศฝรั่งเศสตั้งแต่ยังเด็ก แม้พูดฝรั่งเศสปร๋อ แต่อัธยาศัยยังอ่อนน้อมนุ่ม ๆ น่ารักในแบบของไทย ด้านอาหารคาดเดาล่วงหน้าได้ว่าจะเป็นแนวฝรั่งเศสผสานด้วยความเป็นไทย
ตื่นเต้นพอควรกับอาหาร 9 คอร์สมื้อนี้ที่เป็น Six Hands Dinner เมนูไทยระดับดาวมิชลิน ที่เชฟผู้มาเยือนจับมือร่วมกันสร้างสรรค์กับเชฟอ้อม สุจิรา พงษ์มอญ Chef de Cuisine และเจ้าของร้านสวรรค์ พร้อมด้วย Chef Patissière หรือเชฟของหวาน เปเปอร์ อริสรา จงพาณิชกุล
เข้าจานแรกกันด้วยอาหารเรียกน้ำย่อย หรือ อะมุส บุช (Amuse Bouche) เสิร์ฟคู่กันมา 2 จานคือ “Crab Satay” โดยเชฟอ้อม แต่แทนที่จะใช้เนื้อหมูหรือไก่ ปรับมาใช้ปูทะเลจากสมุทรสงครามทำเป็นก้อนสี่เหลี่ยม มีทั้งน้ำจิ้มสะเต๊ะและอาจาดราดมาเสร็จสรรพบนก้อนเนื้อปู รสจัดจ้านดี อีกจาน “Marinated Prawns / Tom Yum Espuma” ต้มยำกุ้งเวอร์ชั่นร่วมสมัยของเชฟชาติชาย ประกอบด้วยกุ้งดิบซ่อนอยู่ด้านใต้ ซอสขาว ๆ ที่คลุมด้านบนคือเอสพูม่าต้มยำ แล้วใช้ไข่กุ้งสีสดรสกรุ๊บกรอบโรยด้านหน้า แม้จะดูแปลกตา แต่ตักเข้าปากแล้วคอนเฟิร์มว่ารสชาติต้มยำชัดเจน
จานสอง “Smoked Foie Gras Terrine / Jackfruit and Chili Chutney” เป็นฟัวกราส์หมักด้วยไวน์หวาน Baume de Venice แทนแยมผลไม้หรือซอสรสออกหวานที่มักเสิร์ฟตัดความมันของฟัวกราส์ เชฟชาติชายเลือกชัทต์นีปรุงด้วยขนุนบ้านเราเสริมรสด้วยพริก เคียงด้วยขนมปังปิ้งเตาถ่านหอมอร่อย
จากน้ันเป็น “Kao Yam / Saawaan’s Interpretation in 20 Vegetables” เมนูเลื่องชื่อปักษ์ใต้ที่สูตรแต่ละจังหวัดจะต่างกันออกไป สูตรของเชฟอ้อม ใช้ข้าว 2 ชนิด คือข้าวพองและข้าวธรรมดา ผสานด้วยรสชาติหลากหลายที่เป็นเสน่ห์ของข้าวยำ ทั้งความหวานจากส้มโอ เส้นหมี่ผัด มะพร้าวคั่วทั้งหอมและกรอบ งา และผักนานาชนิดที่ให้ทั้งความสด กลิ่น และรสชาติความเขียวที่ต่างกัน ราดสุดท้ายด้วยซอสมะขามรสออกเปรี้ยว ๆ
ต่อกันด้วย “Hokkaido Scallop / Carrot / Lemongrass and Coconut Soup” หอยเชลล์จากฮอกไกโดนำไปเซียร์สองด้าน เสิร์ฟพร้อม โฟมมะพร้าวใส่ตะไคร้ และ ซุปแครอทแบบเวอลูเต้เนื้อนุ่มเนียน
ถัดมาคือ เส้นปลาหมึกผัดไข่เค็ม ที่เห็นเป็นเส้น ๆ นึกว่าพาสต้า ที่แท้ทำมาจากปลาหมึก นำไปผัดน้ำซอสไข่เค็มสูตรโฮมเมด ตรงกลางคือไข่แดงนกกระทากงฟีต์ ส่วนไข่ขาวนำไปทำเป็นพาวเดอร์ที่เห็นเป็นสีขาว ๆ และที่เห็นเป็นผงเขียว ๆ คือเซเลรี่ เวลาทานให้ผสานทุกอย่างเข้าด้วยกัน
ตามมาเป็น “A Surprise Collaborative Dish between Saawaan and Orchidee” using Vegetables from our organic farm in Nakhon Pathom คือปลาเก๋าดำในโฟมแกงเขียวหวาน ที่ทำเป็นโฟมก็เพื่อทอนรสชาติเครื่องแกงลงไม่ให้จัดจ้านเกินหากลงตัวเมื่อผสานกับปลา เคียงด้วยผักปลูกเองจากฟาร์มในนครปฐม
ก่อนเมนคอร์สเป็น “Lobster Confit in Lobster Butter / Thai Vegetables” โดยเชฟชาติชาย เป็นลอบสเตอร์กงฟีต์ในเนยลอบสเตอร์ เคียงด้วยข้าวโพดต้มและซอสแกงแดง
เมนคอร์ส “Duck Tepo / Pumpkin / Morning Glory and Jicama” คือแกงเทโพเป็ด เชฟอ้อมปรับมาใช้เนื้ออกเป็ดจากฟาร์มออแกนิคแทนปลาเทโพ รสชาติออกเปรี้ยว หวาน และเค็มนิดนึง เคียงด้วยปูเร่ฟักทอง ผักบุ้งทั้งแบบสดและลวก และซอสแกงแดง
ของหวานจานแรก “Kao Mow Ice Cream / Kanom Dok Sa-Noo / Banana Whipped Ganache” โดยเชฟเปเปอร์ ประกอบด้วยไอศกรีมข้าวเม่า สอดไส้ด้วยข้าวเม่าด้านใน เคียงด้วยข้าวเม่ากรอบ กล้วยไข่เชื่อมน้ำตาล และดอกสโนนึ่งด้วยแป้งซ่อนอยู่ด้านล่าง รวมทั้งซอส 3 อย่างคือ มะม่วง มะพร้าว และ เสาวรส
ของหวานสุดท้าย “Caraibe Chocolate Crémeux Tartelet / Sesame / Dulcet Chocolate Ice Cream” โดยเชฟชาติชาย เป็นทาร์ทช็อคโกแลต เคียงด้วยแผ่นงากรอบ และไอศกรีม
สุดท้ายจริงๆ คือ Mignardises หรือ Petit Four ฝีมือเชฟเปเปอร์ มี 2 แบบ คือ ลิ้นจี่ด้านบนทำเป็นเจลลี่สอดไส้ ส่วนเปลือกสีแดงๆ ทำเลียนแบบกินได้ อีกจานคือโมจิสอดไส้ด้วยไอศกรีมด้านใน