By Atiyanee Mathayomchan / Dr Chatdanai Musigchai
ดินเนอร์ฝรั่งเศส มิเชล รูซ์ ณ ห้องนอร์มองดีค่ำคืนนี้ สวยงามละเมียดละไม สมฝีมือระดับตำนานมิชลิน 3 ดาวที่ได้รับติดต่อยาวนานมากว่า 30 ปี
ย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อน ครั้งแรกที่มาสเตอร์เชฟคนนี้มาเยือนโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ไว์ดินเนอร์ในวันสุดท้ายของสัปดาห์มิเชล รูซ์ เป็นที่เลื่องลือ จับคู่สมน้ำสมเนื้อระหว่าง Michel Roux และ Mouton Rothschild
ลืมกันไม่ได้ง่าย ๆ เพราะจัดเต็ม ทั้ง Champagne Mouton de Rothschild ไวน์ขาว Aile d’Argent 2007 ไวน์แดง Clerc Milon 1996 และสุดท้าย Mouton Rothschild วินเทจ 2001 และ 1989
มาครั้งน้ี ดูไวน์ลิสต์แล้วร้องว้าวดังเช่นเคย ทั้ง Chateau Y d’Yquem (ชาโต อีเกร็ก ดีเค้ม) Chateau Cheval Blanc ไวน์ระดับ Grand Cru Classe A หนึ่งในไวน์ 4 ตัวจาก Saint Emilion ทางฝั่งขวาของบอร์กโดซ์ เท่าน้ันที่ได้รับอันดับสูงสูดนี้ ตามด้วยไวน์หวานเลื่องชื่อของโลก Chateau d’Yquem หนึ่งเดียวเท่านั้นจาก Sauternes ที่ถูกจัดอันดับให้เป็น 1er Grand Cru Classe ครบเครื่องทั้งอาหารทั้งไวน์ เลยไม่อาจคาดรสชาติครั้งที่แล้วกับครั้งนี้ งานไหนจะบาดใจหัวมากกว่ากัน
จิบชิล ๆ แชมเปญ Louis Roderer ในบรรยากาศชื่นมื่น แล้วเข้าดินเนอร์เบา ๆ กันด้วย Amuse Bouche 3 อย่าง เริ่มด้วย Quiche เนยแพะและบีทรูต แป้งกรอบร่วนนุ่ม รสและกลิ่นเนยแพะชัดเจน อย่างที่สอง เป็นเนื้อวัวชิ้นบางเสริมด้วยมัสตาร์ด รสออกเผ็ดหน่อยเดียว สุดท้าย สติ๊กแอนโชวี่ แป้งพัฟแพสทรี่ทำเป็นแท่งบางกรอบ รสเด่นเค็มตามแบบฉบับปลาเค็มฝรั่งแอนโชวี่ที่เรียกน้ำย่อยได้ดี
ด้านขนมปังเสริฟแบบอบมาร้อน ๆ มีหลายอย่าง เลือกเอา French baguette และขนมปังมะกอกก้อนกลม กินพร้อมเนยชนิดไม่เค็ม หน้าทำเป็นรูปตัว M เป็นเกียรติให้กับเชฟผู้มาเยือน
จากนั้น เร่ิมจานแรก ด้วย สลัดปู กุ้งและซัลซ่ามะม่วง ตัวปูชนิดที่เรียกว่า tourteau (ตูร์โต้) มีความสด แกะเนื้อออกมาชิ้นขนาดค่อนข้างใหญ่ เคียงด้วยกุ้งวางข้าง ๆ หนึ่งชิ้น ซอสทำเป็นซัลซ่ามะม่วงสุกใส่กลิ่นมิ้นต์หรือสะระแหน่นิดเดียว บางเบา เลิศรสสดชื่น มีความหวานในตัวจากเน้ือปูและ กุ้ง แต้มด้วยรสเปรี้ยวนิดนึงของซัลซ่า
ไวน์เป็น Y (อีเกร็ก) ปี 2011 ซึ่งเป็น dry white wine จาก ชาโต้อีเค้ม (Yquem) ผสานสายพันธ์ Sauvignon blanc และ Semillon สดชื่นและสดใส เสริฟกับสลัดปูสอดคล้องเหมาะเจาะสมกันราวกับเป็นคู่แรกรุ่น
ถึงตอนนี้ คั่นตอนสั้น ๆ ด้วย ไวน์ เมกเกอร์หนุ่มชาวฝรั่งเศส ที่ออกมาอธิบาย ความพิเศษของไวน์แต่ละขวดที่นำมาให้ลิ้มรสเคียงคู่กับอาหาร ให้รายละเอียดครบถ้วนทั้งไวน์และวินเทจ
แล้วจึงเข้าจานสอง เป็น Turbot อบ เนื้อปลานุ่มนวล มีความหนืดดีมาก เสริฟพร้อมถั่วพันธ์สีขาวที่เรียกว่า tarbais (ตาร์เบส์) ส่งกลิ่นหอมด้วยใส่เบคอน ถั่วนี้ ปรุงสุกได้อย่างพอดี ทั้ง texture และรสชาตินุ่มละมุนละไม วิเศษมาก ด้านซอสรสนุ่มเป็นบอร์เดอแลซ เคี่ยวจากน้ำสต็อกและไวน์แดง ซอสนี้ปรกติมักไม่ค่อยเห็นเสริฟกับเมนูปลา แต่ที่เชฟเลือกตัวนี้ น่าจะเป็นเพราะ turbot มีเนื้อแน่นมากกว่าปลาทั่วไป เข้ากันได้ดีทั้งปลาทั้งซอสและไวน์แดงคลาสสิกตัวแรกของมื้อ Château Cheval Blanc 2006, Grand Cru Classé A, Saint Emilion
ตามมาเป็นแพนฟรายลอปสเตอร์ ตัวนี้มาจากฝั่งแคนาดา texture ปรุงออกมาได้เยี่ยม เนื้อหนืดหนึบรสชาติดีมาก เสริฟพร้อมซอส ไวท์พอร์ต เหล้าของโปรตุเกส ซอสของจานนี้รสเร่ิมเข้มขึ้นกว่าที่ผ่าน ๆ มา แต่ยังคงไว้ซึ่งความกลมกล่อมและบางเบา เคียงด้วยผักหั่นยาวแบบจูเลี่ยน (Julienne) นำไปตุ๋นแล้วใส่รสขิงนิดนึง เข้ากันได้กลมกลืน
ไวน์แพร่ิงเป็น Chateau Cheval Blanc Grand Cru Classé A วินเทจ 2003 ซึ่งจำกันได้ว่าเป็นปีที่อากาศร้อนมากที่สุดของฝรั่งเศส เมื่อทำไวน์อาจผันผวน คาดเดายาก แม้จะถือว่าเป็นปีดีปีหนึ่ง แต่ไม่ใช่ไวน์ที่เก็บได้นานถึง 20-30 ปี Cheval Blanc ตัวนี้ พร้อมดื่ม มีเดียมบอด้ี ผสานสายพันธ์ Cabernet Franc และ Merlot ตามแบบฉบับของ Cheval Blanc มีกลิ่นพลัม พรุน ทรัฟเฟิ้ล และกาแฟ texture นุ่มนวล ไปกันได้ดีกับลอปสเตอร์ แต่ยังไม่ใช่ไวน์ตัวดีที่สุดของมื้อนี้
เมนคอร์สเป็น Venison อบในพัฟแพสทรี่ ก่อนเสริฟ ผู้ช่วยมือขวาของมิเชล รูซ์ ยกถาดเนื้อห่อด้วยแป้งที่นำไปอบทั้งชิ้นใหญ่ออกมาให้ดูหน้าตากัน จากนั้นจึงนำไปตัดเป็นชิ้นเล็กใส่จานเสริฟให้แต่ละคน
เมนูนี้ถือว่าปราบเซียน เชฟออกปากเองเลยว่า ทำยาก เนื้อก้อนขนาดใหญ่ต้องอบทั้งชิ้นให้สุกเท่ากัน เห็ดสับต้องใส่ให้ปริมาณพอดีเป๊ะ ตัวแป้งไม่หนาไม่บางเกินและต้องอบให้สุกพอดี
ฝีมือ มิเชล รูซ์ซะอย่าง กวาง venison จานนี้ปรุงสุกออกมาพอดีมาก เนื้อนุ่มสุกเป็นสีชมพูเรื่อสวย แป้งด้านนอกอบได้กรอบอร่อย ส่วน duxelle (ดูเซลล์) ทำด้วยเห็ดสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใช้สอดไส้คั่นกลางระหว่างเนื้อกับแป้ง ตัวซอสไวน์แดงใส่ blackcurrant vinegar ให้มีรสออกเปรี้ยวตัดกลิ่นสาบป่าของเนื้อชนิดนี้ ตักเข้าปากแล้วจึงแทบไม่รู้สึกถึงกลิ่น เลิศรส ลงตัวแบบที่ยกให้เป็นที่สุดของ ม้ือนี้เลย
ไว์เข้าคู่เป็น Cheval Blanc Grand Cru Classé A 2000 ปีดีที่สุดปีหนึ่งของไวน์คุณภาพเยี่ยมที่เก็บได้นาน ตัวนี้รสชาตินุ่มราวกับไหม กลิ่นผลไม้ พลัม เบอร์รี่ดำ กาแฟ และทรัฟเฟิ้ล เร่ิมสุกได้ที่ แม้จะเป็นไวน์ที่ยังเก็บได้อีกนาน แต่ลิ้มลอง ณ ตอนนี้ รสชาติเย้ายวนใจ full body แทนนินและ acidity สมดุลย์ ซับซ้อน จบยาว เข้ากันสมบูรณ์แบบกับกวาง Venison
มาถึงชีสมี 4 อย่าง ฝรั่งเศสล้วน เป็นชีสคุณภาพเยี่ยมจากฟาร์ม ของ Philippe Olivier ชีสมาสเตอร์ หรือ affineur ชื่อดัง เร่ิมด้วยชีสเปลือกแข็ง Tome de savoie , Coulomier, ชีสนมแพะ Crotin de Chavignole และสุดท้ายบลูชีสเลื่องชื่อ Fourme d’Ambert ตัวนี้เก็บไว้กินท้ายสุด เพราะรสชาติและกลิ่นเข้มข้นกว่าชนิดอื่น
ทิ้งท้ายช่ืนใจกันด้วย Tart Tatin ขนมหวานฝรั่งเศสเต็มร้อย สูตรคลาสสิกจะเป็นทาร์ตแอบเปิ้ลเสริฟพร้อมไอศกรีมวานิลลา จานนี้ปรับมาใช้ลูกแพร์เคี่ยวในน้ำเช่ือม แต่ละชิ้นใช้ผลไม้ครึ่งลูกเต็ม เคียงคู่กับไอศกรีมรสลูกแพร์ใส่อบเชย แมทช์กันได้ดีกับ Chateau d’Yquem 2009 1er Grand Cru Classé ไวน์หวานจาก Sauternes เลื่องชื่อด้วยความนุ่มและกลิ่นหอมหวานของดอกไม้และน้ำผึ้ง ผสาน acidity สดใสที่ทำให้ไวน์ตัวนี้กลมกล่อมด้วยรสชาติลงตัวเป็นที่สุด
สุดท้ายจริง ๆ เป็นขนมหวานชิ้นขนาดพอคำที่เรียกว่า Mignardises มี ขนมอบมาดเดอแลนน์ มาการง นูแกต และช็อกโกแลต กินแกล้มกับชาหรือกาแฟ ก่อนจะได้เวลาโบกมืออำลาสามดาวเลิศรสมื้อนี้กับมิเชล รูซ์