ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมทางการเมืองในประเทศไทย หากมองจากภายนอก อาจดูน่ากลัว แต่คนที่คุ้นชินกับความหลากหลายของกรุงเทพฯ ต่างก็รู้ดีว่า ถึงสถานการณ์จะไม่น่าปลื้มสักแค่ไหน ผู้คนก็ไม่ได้มีแต่ความเครียด เพราะที่นี่ยังเป็นมหานครแห่งความสุขสำราญ เปี่ยมด้วยสีสันและชีวิตชีวาให้ค้นหากันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ร้านอาหารบรรยากาศดี อาหารอร่อย ไวน์รสเลิศ และในค่ำคืนนี้ ที่ Maverick Restaurant and Bar ร้านเก๋ใหม่เอี่ยมอ่อง ย่านสุขุมวิท เราก็ได้สัมผัสกับความประทับใจอย่างเต็มอิ่มกับเมนูสร้างสรรค์ และไำวน์ที่จับคู่กับอาหารได้อย่างเหมาะเจาะ โดยมี Comte de Sibour บริษัทนำเข้าไวน์ระดับแนวหน้าเป็นเจ้าภาพที่นำไวน์ชั้นดีจากฝรั่งเศสเจ้าของรางวัลในระดับสากล Jean Luc Colombo แห่ง Rhône Valley มาให้ได้ดื่มด่ำกันอย่างแสนสำราญ และเราก็อิ่มเอมกันเต็มที่กับเมนูอาหาร 6 อย่างของคอร์สดินเนอร์เก๋ ที่จับคู่มากับไวน์เด่น 6 รายการ สนนราคาของคอร์สนี้อยู่ที่ 2500 บาท ซึ่งดูราคาแล้วสมเหตุสมผล และน่าจะชวนเพื่อนฝูงแวะมาอีกในโอกาสหน้า
เริ่มต้นเรียกน้ำย่อยด้วย Tapas Trio ซึ่งประกอบด้วย Mini Duck Crostillant, Modernist tortilla, Bangers and mash (Merguez and Pumpkin Espuma). ความน่าสนใจอยู่ที่การเสริ์ฟ Modernist tortilla ซึ่งมาในรูปของครีมที่ใส่มาในขวด แต่ยังให้กลิ่นรสของ tortilla เต็มๆ
เมนูทาปาสเรียกน้ำย่อยเสิร์ฟพร้อมกับไวน์ขาว Les Abeilles Blanc 2012 J.L. Colombo, Clairette / Roussane, Côtes du Rhône. Les Abeilles. ที่ให้รสชาติหอมสดชื่นของดอกไม้และกลิ่นผลไม้สดฉ่ำ
คอร์สที่สองเป็นกลิ่นอายอาทิตย์อุทัย Miso Salmon Tempura, Wasabi Gel, Shoyu “Dressing” แม้หน้าตาจะห่างไกลจากอาหารญี่ปุ่นในแบบที่เราเคยคุ้น แต่รับรองได้ว่า รสชาติของการชิมนั้นไม่ขาดไม่เกินเลยหากเทียบเคียงกับ salmon sashimi ต้องชื่นชมความคิดสร้างสรรค์ของเชฟเขาจริงๆ โดยเมนูนี้ก็ยังคงเสิร์ฟเข้าคู่กันได้ดีกับไวน์ตัวแรก Les Abeilles Blanc 2012 J.L. Colombo, Clairette / Roussane, Côtes du Rhône
สำหรับคอร์สที่สามคือ Chicken Basquaise New Style, Piperade, Piquillo Coulis, Chicken Breast and Spicy Mayo. เป็นเมนูที่ดูเรียบง่ายแต่รสชาติกำลังดี เนื้อไก่ที่หมักนุ่มได้ที่ ค่อนข้างชุ่มฉ่ำ และกลมกล่อม
และด้วยรสชาติอาหารที่อุดมด้วยโปรตีนขึ้นเรื่อยๆ ไวน์ที่นำมาจับคู่กันก็เพิ่มความซับซ้อนในกลิ่นรสมากขึ้น และเข้ากันกับรสชาติอาหารอย่างดีด้วย Les Pins Couches Rosé 2012 J.L. Colombo,Syrah/Mourvèdre , Aix-en-Provence ดื่มง่าย ให้ความรู้สึกละมุนละไม กรุ่นด้วยอะโรมาของกลีบกุหลาบแห้ง ความหอมหวานสดฉ่ำของผลไม้สุก กลิ่นเปรี้ยวหอมมันของแบล็คโอลีฟ
คอร์สที่สี่เป็นเมนูลูกผสมที่น่าสนใจ แต่ดูเหมือนว่าจุดเด่นจะอยู่ที่ความเป็นญี่ปุ่นก็คือ Carbonara, Soba Carbonara, Serrano Bacon, 65 degrees C egg, Brioche soldiers, Tendon Crisps. เป็นเมนูที่มีรากฐานมาจากตะวันตกแน่ๆ แต่แจ่มชัดด้วยรสชาติอาหารญี่ปุ่นจากเส้นโซบะ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะปรุงให้เข้ากันได้อย่างลงตัวมากๆกับ carbonara sause โดดเด่นด้วยหน้าตาอาหารที่มีไข่ลวกซึ่งบ้านเราเรียกว่าเป็นยางมะตูม ลื่นๆมันๆ เข้าคู่แบบเชือดเฉือนกันได้เข้าทีกับความกรุบกรอบของ crispy bacon และ crispy tendon.
เมนูนี้เสิร์ฟมาคู่กับ Les Abeilles Rouge 2011 J.L. Colombo, Grenache/Syrah/Mourvèdre, Côtes du Rhône. ซึ่งมีส่วนผสมขององุ่นแดงจาก southern Rhone ความหนักแน่นอยู่ในระดับกลางๆ แต่อบอวลด้วยอะโรมากลิ่นหอมชุ่มฉ่ำของผลไม้เจือด้วยกลิ่นเครื่องเทศจางๆ แทนนินไม่สูงมาก ค่อนข้่างนุ่มนวล ดื่มง่าย
คอร์สที่ห้าเป็นหมูดำ Kurabuta Pork Rack รสชาติออกหวานด้วย Apple Tart Jus และเก๋ด้วย Spice-bread Ice Cream ใครจะไปคิืดว่าเราจะได้กินหมูดำกับไอศครีมเครื่องเทศ งานนี้ต้องปรบมือดังๆอีกทีให้กับสุดยอดความคิดสร้างสรรค์ของเชฟ ที่ให้ประสบการณ์น่าตื่นเต้นสำหรับดินเนอร์คืนนี้ไม่หยุดหย่อน
เมนูหมูดำไปกันได้ดีกับ Les Fées Brunes 2010 J.L. Colombo, Syrah, Crozes-Hermitage รสชาติที่หนักแน่นยิ่งขึ้น ให้สัมผัสอุ่นลิ้นจากกลิ่นเครื่องเทศร้อนๆอย่างเมล็ดพริกไทยและผลราสเบอรี่ เจือกลิ่นโอลีฟ
สำหรับเมนูนี้ เราได้ดื่มคู่กับไวน์อีกตัวหนึ่งด้วย ก็คือ Les Ruchets 2010 J.L. Colombo, Syrah, Cornas หนักแน่นนุ่มนวล ให้ความรู้สึกสดชื่นในตอนจบ โดยทิ้งรสชาติก่อนจบไว้ในปากได้อย่างยาวนานแบบที่เรียกได้ว่า smooth landing ของนักบินที่มีชั่วโมงบินสูง
ปิดท้ายกันด้วย ของหวานหน้าตาน่ารัก และรสชาติมืออาชีพ Sweet Sensations; Cocoa Tuile with mascarpone foam, Banachoc cake, Passion fruit Parfait ใครที่ทำท่าเหมือนอิ่มตอนกินเมนคอร์สเสร็จ พอมาเจอของหวานเข้าก็สามารถอร่อยต่อได้แบบลืมอิ่ม
สำหรับของหวานก็จับคู่กับไวน์ Gewurztraminer 2011 A. Scherer, Alsace ที่รสชาติค่อนข้างนุ่มเบา กลิ่นหอมหวานสดชื่นด้วยอะโรมาของเกษรดอกไม้และน้ำผึ้งป่าที่ชัดเจนมากทำให้มีสัมผัสแรกที่เป็นเอกลักษณ์ แต่รสชาติที่สัมผัสลิ้นจะค่อนข้างเปรี้ยวกว่าตัวอื่นๆที่ชิมมาทั้งหมด ซึ่งอาจเป็นได้ว่า เรากินอาหารหวานมาก่อน ทำให้ลิ้นรู้สึกว่าไวน์ที่ชิมเปรี้ยวกว่าปกติ แต่โดยรวมก็รู้สึกสดชื่นเหมือนได้กินผลไม้ล้างปากหลังอาหารนั่นเอง
จากซ้าย : Eric Paul CEO of Maverick, Maverick Chef, Laure Colombo, Christophe Imbert MD of Sibour
สิ่งที่น่าประทับใจอย่างยิ่งในดินเนอร์ครั้งนี้ คือการกระทบไหล่ตัวจริงเสียงจริงกับทายาทไวน์เมกเกอร์ชื่อดัง Laure Colombo และผู้บริหารมาดเท่ของบริษัทนำเข้าไวน์ชั้นนำอย่างคุณ Christophe Imbert ได้อร่อยกับอาหารของเชฟคนเก่งแห่ง Maverick และได้ยินดีกับอนาคตที่น่าจะสดใสไปได้สวยของร้านอาหารดีๆ กับคุณ Eric Paul ผู้เป็น CEO ของร้าน Maverick และความสนุกสนานทีไ่ด้สนทนาฮาเฮกับเพื่อนๆสื่อมวลชนสายไลฟ์สไตล์มากมายในบรรยากาศสุดรื่นรมย์
ใครที่คิดจะไปสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษนี้ไม่ต้องคิดนาน เพราะราคาที่แสนจะเป็นมิตร และบริการที่ดีเยี่ยม หาเวลาว่างคลายเครียดจากเรื่องการเมืองและไปอิ่มอร่อยกับอาหารดีๆที่ Maverick และไวน์รสเลิศของ JEAN LUC COLOMBO น่าจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่เรามอบให้ตัวเองเพื่อเป็นกำลังใจให้ก้าวต่อไปอย่างเข้มแข็ง…สำหรับเดือนที่น่าอึดอัดใจนี้
…………………………………………………………………………………………………………………
Maverick Restaurant & Bar
Sukhumvit 21 Soi 3, Khlong Toei Nuea, Watthana, Bangkok 10110
Phone:02 665 2772