Category Archives: Review

IMG_4868

Signature, French Inspired Dining of Mandarin Oriental Tokyo

IMG_4876 Signature, Mandarin Oriental Tokyo’s French Inspired Dining

เพราะเพื่อน ๆ หลายคนแนะนำมา  คืนสุดท้ายก่อนกลับจากญี่ปุ่นทริปนี้  เลยขอพาตัวเองไปนั่งชิลชิล อยู่บนชั้นที่ 38 ของโรงแรม แมนดาริน โอเรียนเต็ล โตเกียว  ที่ตั้งของห้องอาหารฝรั่งเศสที่ช่ือว่า  Signature

จองคิวไม่นานมาก  เบาะ ๆ แค่ประมาณ  10 วัน  ถึงเวลานัด 2 ทุ่ม  เดินเข้าไปแขกเต็มหมดทุกโต๊ะ  อันหมายความว่า  ถ้าไม่ได้จองมา  มื้อนี้คงอด

เบิกโรงมื้อค่ำด้วย Ruinart  NV  Blanc de Blancs  ตัวนี้เป็นแชมเปญดัง  หรูมีระดับแบบไม่ต้องโฉ่งฉ่าง   ช่ืนชอบกันมากในหมู่นักชิม   โต๊ะที่ห้องอาหาร จัดให้ติดกับกระจกหน้าต่างบานใหญ่ราวกับรู้ใจ  จึงจิบแชมเปญไป  ชมวิวไป  เพลินไปกับทิวทัศน์ยามค่ำของกรุงโตเกียวที่ระยิบระยับไปด้วยแสงไฟ

เปิดดูรายการอาหาร  มีทั้ง  a la carte และเมนู 3 แบบให้เลือก   ไม่ต้องคิด ชี้เอาเมนูเลย  เพราะชอบดูวิธีเชฟจัดเรียงอาหาร  และบางอารมณ์ขี้เกียจอ่านมาก  เมนูที่เลือกเป็นแบบกลาง ๆ 6 คอร์ส  กำลังดี   ไม่มากไม่น้อย  และพอที่จะชิมฝีมือสร้างสรรค์และจับสไตล์การทำอาหารของเชฟ  Nicolas Boujema

IMG_4868

Ruinart Blanc de Blancs

Continue reading

Chaine des Rotisseurs Italian Style at Angelini

Premier gastronomic association Chaine des Rotisseurs hosted an Italian dinner at the well-established Angelini restaurant of the Shangrila Hotel. For this occasion Chef de Cuisine Omar Ugoletti, a native of Marche in central Italy, presented 7 courses of decadent Italian cuisine paired with Italian wine, provided by Texica. Chaine des Rotisseurs Thailand originates from France with the objective of promoting the art of fine dining presenting high quality cuisine along with the pleasures of the table.

By Atiyanee Mathayomchan / Dr. Chatdanai Musigchai

ค่ำคืนนี้มาร่วมงานของสมาคมนักชิมระดับสากล ที่รู้จักกันในนาม Chaine des Rotisseurs (เชน เดส์ โรติสเซอร์ส) รูปแบบคืองานสังสรรค์ระหว่างสมาชิก จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นประจำเกือบทุกเดือน  เพื่อเชิดชูศิลปะการปรุงอาหาร  ควบรวมไปถึงความสุนทรีย์ในการรับประทานอาหาร อันเป็นวัตถุประสงค์หลักของสมาคม ฯ ที่มีต้นแบบมาไกลจากฝรั่งเศส   ประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นตำนานในเรื่องของการกิน

ครั้งล่าสุดที่ผ่านมา  เป็นงานสไตล์อิตาเลียน  จัดขึ้นที่พื้นที่ชั้นบนของห้องอาหาร Angelini  โรงแรมแชงกรี-ล่า Chef de Cuisine Omar Ugoletti จากแคว้น Marche ใน Central Italy โชว์ลีลาสุดฝีมือสร้างสรรค์อาหาร 7 คอร์ส เสิร์ฟรสชุ่มช่ืนใจพร้อมไวน์อิตาเลียนล้วน จัดให้โดย Texica Wine  มื้อนี้จึงเปรมปรีดิ์ในแบบ  A Taste of Italy โดยแท้

IMG_7341

Continue reading

L’Assiette champenoise ….. กินสามดาวมิชลินที่เมือง Reims

image

3 Starred Michelin L’Assiette Champenoise in Reims. Fabuleux cuisine!

ดังที่สุดในแคว้นแชมเปญของฝรั่งเศสตอนนี้ ต้องที่นี่เลย ห้องอาหารหรูหราชื่อ L’Assiette champenoise  ชื่อเขียนยาก แต่ออกเสียงง่ายๆ ได้ว่า ลัตเซียตต์ ชองเปนวส ตั้งอยู่ที่เมืองแร็งส์ (Reims) ทางตะวันออกเฉียงเหนือ  ห่างจากปารีสไปประมาณ 129 กิโลเมตร  แขกไปใครมา ต่างก็กล่าวขวัญถึง ที่ดังแบบฉุดไม่อยู่  เพราะห้องอาหารนี้เพิ่งคว้าดาวมิชลินดวงที่สามมาประดับได้หมาดๆ จากการจัดอันดับเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมานี่เอง

Continue reading

DSC_3212

JEAN LUC COLOMBO & COMTE DE SIBOUR WINE

DSC_3212

ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมทางการเมืองในประเทศไทย หากมองจากภายนอก อาจดูน่ากลัว แต่คนที่คุ้นชินกับความหลากหลายของกรุงเทพฯ ต่างก็รู้ดีว่า ถึงสถานการณ์จะไม่น่าปลื้มสักแค่ไหน ผู้คนก็ไม่ได้มีแต่ความเครียด เพราะที่นี่ยังเป็นมหานครแห่งความสุขสำราญ เปี่ยมด้วยสีสันและชีวิตชีวาให้ค้นหากันอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ร้านอาหารบรรยากาศดี อาหารอร่อย ไวน์รสเลิศ และในค่ำคืนนี้ ที่ Maverick Restaurant and Bar ร้านเก๋ใหม่เอี่ยมอ่อง ย่านสุขุมวิท เราก็ได้สัมผัสกับความประทับใจอย่างเต็มอิ่มกับเมนูสร้างสรรค์ และไำวน์ที่จับคู่กับอาหารได้อย่างเหมาะเจาะ โดยมี Comte de Sibour  บริษัทนำเข้าไวน์ระดับแนวหน้าเป็นเจ้าภาพที่นำไวน์ชั้นดีจากฝรั่งเศสเจ้าของรางวัลในระดับสากล  Jean Luc Colombo แห่ง Rhône Valley มาให้ได้ดื่มด่ำกันอย่างแสนสำราญ  และเราก็อิ่มเอมกันเต็มที่กับเมนูอาหาร 6 อย่างของคอร์สดินเนอร์เก๋ ที่จับคู่มากับไวน์เด่น 6 รายการ สนนราคาของคอร์สนี้อยู่ที่ 2500 บาท ซึ่งดูราคาแล้วสมเหตุสมผล และน่าจะชวนเพื่อนฝูงแวะมาอีกในโอกาสหน้า

maverick01

เริ่มต้นเรียกน้ำย่อยด้วย Tapas Trio ซึ่งประกอบด้วย Mini Duck Crostillant, Modernist tortilla, Bangers and mash (Merguez and Pumpkin Espuma). ความน่าสนใจอยู่ที่การเสริ์ฟ Modernist tortilla ซึ่งมาในรูปของครีมที่ใส่มาในขวด แต่ยังให้กลิ่นรสของ tortilla  เต็มๆ

jean-luc-colombo01

เมนูทาปาสเรียกน้ำย่อยเสิร์ฟพร้อมกับไวน์ขาว  Les Abeilles Blanc 2012 J.L. Colombo, Clairette / Roussane, Côtes du Rhône. Les Abeilles.  ที่ให้รสชาติหอมสดชื่นของดอกไม้และกลิ่นผลไม้สดฉ่ำ

maverick02

คอร์สที่สองเป็นกลิ่นอายอาทิตย์อุทัย  Miso Salmon Tempura, Wasabi Gel, Shoyu “Dressing” แม้หน้าตาจะห่างไกลจากอาหารญี่ปุ่นในแบบที่เราเคยคุ้น แต่รับรองได้ว่า รสชาติของการชิมนั้นไม่ขาดไม่เกินเลยหากเทียบเคียงกับ salmon sashimi ต้องชื่นชมความคิดสร้างสรรค์ของเชฟเขาจริงๆ โดยเมนูนี้ก็ยังคงเสิร์ฟเข้าคู่กันได้ดีกับไวน์ตัวแรก Les Abeilles Blanc 2012 J.L. Colombo, Clairette / Roussane, Côtes du Rhône

maverick03

สำหรับคอร์สที่สามคือ Chicken Basquaise New Style, Piperade, Piquillo Coulis, Chicken Breast and Spicy Mayo. เป็นเมนูที่ดูเรียบง่ายแต่รสชาติกำลังดี เนื้อไก่ที่หมักนุ่มได้ที่ ค่อนข้างชุ่มฉ่ำ และกลมกล่อม

jean-luc-colombo02

และด้วยรสชาติอาหารที่อุดมด้วยโปรตีนขึ้นเรื่อยๆ ไวน์ที่นำมาจับคู่กันก็เพิ่มความซับซ้อนในกลิ่นรสมากขึ้น และเข้ากันกับรสชาติอาหารอย่างดีด้วย  Les Pins Couches Rosé 2012 J.L. Colombo,Syrah/Mourvèdre , Aix-en-Provence ดื่มง่าย ให้ความรู้สึกละมุนละไม กรุ่นด้วยอะโรมาของกลีบกุหลาบแห้ง ความหอมหวานสดฉ่ำของผลไม้สุก กลิ่นเปรี้ยวหอมมันของแบล็คโอลีฟ

maverick04

คอร์สที่สี่เป็นเมนูลูกผสมที่น่าสนใจ แต่ดูเหมือนว่าจุดเด่นจะอยู่ที่ความเป็นญี่ปุ่นก็คือ Carbonara, Soba Carbonara, Serrano Bacon, 65 degrees C egg, Brioche soldiers, Tendon Crisps. เป็นเมนูที่มีรากฐานมาจากตะวันตกแน่ๆ แต่แจ่มชัดด้วยรสชาติอาหารญี่ปุ่นจากเส้นโซบะ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะปรุงให้เข้ากันได้อย่างลงตัวมากๆกับ carbonara sause โดดเด่นด้วยหน้าตาอาหารที่มีไข่ลวกซึ่งบ้านเราเรียกว่าเป็นยางมะตูม ลื่นๆมันๆ  เข้าคู่แบบเชือดเฉือนกันได้เข้าทีกับความกรุบกรอบของ crispy bacon และ crispy tendon.

jean-luc-colombo03

เมนูนี้เสิร์ฟมาคู่กับ  Les Abeilles Rouge 2011 J.L. Colombo, Grenache/Syrah/Mourvèdre, Côtes du Rhône. ซึ่งมีส่วนผสมขององุ่นแดงจาก southern Rhone ความหนักแน่นอยู่ในระดับกลางๆ แต่อบอวลด้วยอะโรมากลิ่นหอมชุ่มฉ่ำของผลไม้เจือด้วยกลิ่นเครื่องเทศจางๆ แทนนินไม่สูงมาก ค่อนข้่างนุ่มนวล ดื่มง่าย

maverick05

คอร์สที่ห้าเป็นหมูดำ Kurabuta Pork Rack รสชาติออกหวานด้วย Apple Tart Jus และเก๋ด้วย Spice-bread Ice Cream ใครจะไปคิืดว่าเราจะได้กินหมูดำกับไอศครีมเครื่องเทศ งานนี้ต้องปรบมือดังๆอีกทีให้กับสุดยอดความคิดสร้างสรรค์ของเชฟ ที่ให้ประสบการณ์น่าตื่นเต้นสำหรับดินเนอร์คืนนี้ไม่หยุดหย่อน

jean-luc-colombo04

เมนูหมูดำไปกันได้ดีกับ Les Fées Brunes 2010 J.L. Colombo, Syrah, Crozes-Hermitage รสชาติที่หนักแน่นยิ่งขึ้น ให้สัมผัสอุ่นลิ้นจากกลิ่นเครื่องเทศร้อนๆอย่างเมล็ดพริกไทยและผลราสเบอรี่ เจือกลิ่นโอลีฟ

sibour01

สำหรับเมนูนี้ เราได้ดื่มคู่กับไวน์อีกตัวหนึ่งด้วย ก็คือ Les Ruchets 2010 J.L. Colombo, Syrah, Cornas หนักแน่นนุ่มนวล ให้ความรู้สึกสดชื่นในตอนจบ โดยทิ้งรสชาติก่อนจบไว้ในปากได้อย่างยาวนานแบบที่เรียกได้ว่า smooth landing ของนักบินที่มีชั่วโมงบินสูง

sibour02

ปิดท้ายกันด้วย ของหวานหน้าตาน่ารัก และรสชาติมืออาชีพ Sweet Sensations; Cocoa Tuile with mascarpone foam, Banachoc cake, Passion fruit Parfait ใครที่ทำท่าเหมือนอิ่มตอนกินเมนคอร์สเสร็จ พอมาเจอของหวานเข้าก็สามารถอร่อยต่อได้แบบลืมอิ่ม

sibour03

สำหรับของหวานก็จับคู่กับไวน์  Gewurztraminer 2011 A. Scherer, Alsace ที่รสชาติค่อนข้างนุ่มเบา กลิ่นหอมหวานสดชื่นด้วยอะโรมาของเกษรดอกไม้และน้ำผึ้งป่าที่ชัดเจนมากทำให้มีสัมผัสแรกที่เป็นเอกลักษณ์ แต่รสชาติที่สัมผัสลิ้นจะค่อนข้างเปรี้ยวกว่าตัวอื่นๆที่ชิมมาทั้งหมด ซึ่งอาจเป็นได้ว่า เรากินอาหารหวานมาก่อน ทำให้ลิ้นรู้สึกว่าไวน์ที่ชิมเปรี้ยวกว่าปกติ แต่โดยรวมก็รู้สึกสดชื่นเหมือนได้กินผลไม้ล้างปากหลังอาหารนั่นเอง

sibour04

จากซ้าย : Eric Paul CEO of Maverick, Maverick Chef, Laure Colombo,  Christophe Imbert MD of Sibour

สิ่งที่น่าประทับใจอย่างยิ่งในดินเนอร์ครั้งนี้ คือการกระทบไหล่ตัวจริงเสียงจริงกับทายาทไวน์เมกเกอร์ชื่อดัง Laure Colombo และผู้บริหารมาดเท่ของบริษัทนำเข้าไวน์ชั้นนำอย่างคุณ Christophe Imbert  ได้อร่อยกับอาหารของเชฟคนเก่งแห่ง Maverick และได้ยินดีกับอนาคตที่น่าจะสดใสไปได้สวยของร้านอาหารดีๆ กับคุณ Eric Paul ผู้เป็น CEO ของร้าน Maverick และความสนุกสนานทีไ่ด้สนทนาฮาเฮกับเพื่อนๆสื่อมวลชนสายไลฟ์สไตล์มากมายในบรรยากาศสุดรื่นรมย์

ใครที่คิดจะไปสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษนี้ไม่ต้องคิดนาน เพราะราคาที่แสนจะเป็นมิตร และบริการที่ดีเยี่ยม หาเวลาว่างคลายเครียดจากเรื่องการเมืองและไปอิ่มอร่อยกับอาหารดีๆที่ Maverick และไวน์รสเลิศของ JEAN LUC COLOMBO  น่าจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่เรามอบให้ตัวเองเพื่อเป็นกำลังใจให้ก้าวต่อไปอย่างเข้มแข็ง…สำหรับเดือนที่น่าอึดอัดใจนี้

ให้คะแนนร้านอาหาร
สูงสุด = 5 ดาว
หมายเหตุ
รสชาติ   เยี่ยม มากด้วยความคิดสร้างสรรค์
บรรยากาศ   เท่ ออกแบบได้ดี
การบริการ   อบอุ่น เป็นมิตร
ราคา-ความคุ้มค่า    ราคามิตรภาพ
ความประทับใจ  

…………………………………………………………………………………………………………………

maverick

Maverick Restaurant & Bar

Sukhumvit 21 Soi 3, Khlong Toei Nuea, Watthana, Bangkok 10110

Phone:02 665 2772
wine01

Glenfiddich : Single Malt Passion with Matthew Fergusson-Stewart

Matthew

เปิดประสบการณ์แห่งสุนทรียรส…ลิ้มลองวิสกี้ชั้นเยี่ยมจาก เกลนฟิดิค ตำนานแห่งผู้บุกเบิกซิงเกิลมอลต์สก็อตช์วิสกี้เจ้าของรางวัลระดับโลก กับ แมทธิวเฟอร์กุสสัน-สจ๊วร์ต แบรนด์แอมบาสเดอร์วิลเลี่ยมแกรนด์แอนด์ซัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา HiClassSociety.com ได้รับเกียรติให้ไปร่วมงาน  Glenfiddich Whisky Tasting ที่ The Glenfiddich Lounge ร้าน Whisgar ซอยสุขุมวิท31 เป็นอีกหนึ่งงานที่น่าประทับใจ เพราะ เกลนฟิดิค เป็นซิงเกิลมอลต์สก็อตช์วิสกี้ที่คว้ารางวัลระดับโลกมากที่สุด ซึ่งได้เฉลิมฉลองครบรอบ 125 ปีของตำนานแห่งการบุกเบิกผลิตวิสกี้ นำเสนอวิสกี้รสเลิศหลากชนิด นับตั้งแต่วิสกี้รสชาติยอดนิยมระดับสากลอย่างเกลนฟิดิค 12 ปี ไปจนถึงวิสกี้รุ่นหายากและมีรสชาติขั้นสุดยอดอย่าง เกลนฟิดิค50 ปี เพื่อพลิกฟื้นตำนานการบุกเบิกของผู้ก่อตั้ง วิลเลียม แกรนท์ ผู้สร้างสรรค์ “สุดยอดเครื่องดื่มแห่งขุนเขา” จนมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วโลก

20141113_193803

ความน่าสนใจของงานนี้ไม่ใช่เพียงรสชาติของ ซิงเกิลมอลต์สก็อตช์วิสกี้ ระดับตำนาน แต่ยังได้รับข้อมูลความรู้ดีๆจาก แมทธิวเฟอร์กุสสัน-สจ๊วร์ต แบรนด์แอมบาสเดอร์วิลเลี่ยมแกรนด์แอนด์ซัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นผู้ที่มีความชำนาญระดับสูงในธุรกิจวิสกี้มาเป็นระยะเวลานาน มาร่วมนำเสนอเรื่องราวทั้งประวัติศาสตร์ในการผลิต Glenfiddich Whisky และข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับขั้นตอนการผลิตวิสกี้ชั้นเลิศที่มีรายละเอียดพิถีพิถัน เป็นองค์ความรู้ที่สืบทอดกันมายาวนานจากรุ่นสู่รุ่น ก่อนจะมาเสิร์ฟให้ผู้มีรสนิยมที่ชื่นชอบในสุนทรียรสของ  ซิงเกิลมอลต์สก็อตช์วิสกี้  ได้รื่นรมย์กับรสชาติที่มีเอกลักษณ์

หลังจากชมการพรีเซนเทชั่นเรื่องราวของการผลิตแล้ว เราก็ได้สัมผัสกับรสชาติของซิงเกิลมอลต์สก็อตช์วิสกี้  3 ขวด ที่มีอายุในการหมักบ่มแตกต่างกัน ซึ่งแน่นอนว่า แต่ละขวดย่อมให้รสสัมผัสที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างโดดเด่น

12

เกลนฟิดิคอายุหมักบ่ม 12 ปี

เกลนฟิดิค 12 ปี คือวิสกี้รุ่นบุกเบิกที่แท้จริงในตระกูลซิงเกิลมอลต์สก็อตช์วิสกี้อันเลื่องชื่อ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของนักดื่มทั่วโลกมากกว่าซิงเกิลมอลต์สก็อตช์วิสกี้ชนิดอื่นๆ ด้วยการหมักบ่มในถังไม้โอ๊กของอเมริกาและสเปนยาวนานถึง 12 ปี ทำให้วิสกี้เจ้าของรางวัลชนิดนี้โด่งดังในด้านรสสัมผัสแห่งการผจญภัยอันเป็นจุดขายของแบรนด์เกลนฟิดิค

เกลนฟิดิค 12 ปี กรุ่นกลิ่นหอมสดชื่นที่ละเอียดอ่อนอย่างสมดุลในแนวผลไม้ นำโดยกลิ่นของลูกแพร์ พร้อมมอบรสชาติหวานละมุนแบบผลไม้อย่างมีเอกลักษณ์ ซึ่งจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรสชาติของขนมบัตเตอร์สก็อตช์ ครีม มอลต์ และกลิ่นโอ๊กอันละมุนลิ้นทั้งยังให้รสติดปลายลิ้นที่ยาวนาน ลื่นคอและหวานหอม

15

เกลนฟิดิคอายุหมักบ่ม 15 ปี

ด้วยกระบวนการกลั่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่คิดค้นโดย เกลนฟิดิคทำให้ เกลนฟิดิค 15 ปี คือภาพลักษณ์ที่แท้จริงที่แสดงให้เห็นถึงแนวคิดการผลิตวิสกี้อันโลดโผนและล้ำหน้ากว่าแบรนด์อื่นๆ ด้วยการใช้ถังไม้โอ๊กที่มีอายุเก่าแก่ทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ เชอร์รี่ เบอร์เบิ้น และโอ๊กใหม่ แล้วนำมาทำการบ่มในถัง Solera Vat จนกระทั่งได้กลิ่นผลไม้ เครื่องเทศและน้ำผึ้งที่หอมหวนเข้มข้น ตามแบบฉบับรสชาติวิสกี้ดั้งเดิม

กลิ่นของเกลนฟิดิค 15 ปีมีเสน่ห์อันซับซ้อนอย่างวิจิตร ด้วยกลิ่นหอมหวานของน้ำผึ้งในทุ่งหญ้าและวานิลลาฟัดจ์ผสมกับผลไม้รสเข้มอันลุ่มลึก ส่วนรสชาติให้ความรู้สึกนุ่มนวลดุจใยไหม ซึ่งค่อยๆ เผยแต่ละรสชาติของเชอร์รี่โอ๊ก ขนมมาซิแพน อบเชย และขิงซึ่งชวนให้นึกถึงเค้กวันคริสต์มาส ด้วยความเข้มของเนื้อวิสกี้ที่เต็มเปี่ยมพร้อมรสชาติที่เข้มแรง ทำให้เกลนฟิดิค 15 ปี มีรสติดปลายลิ้นที่เข้มข้นอย่างน่าพึงใจและหวานติดลิ้นอย่างยาวนาน

 

 18

เกลนฟิดิคอายุหมักบ่ม 18 ปี

เกลนฟิดิค 18 ปี คือข้อพิสูจน์แห่งทักษะ สัมผัสแห่งการผจญภัยและจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกของนักกลั่นเครื่องดื่มตัวจริง ด้วยการผลิตในปริมาณจำกัดและมีการควบคุมกระบวนการอย่างเข้มงวดในแต่ละครั้ง ทำให้เกลนฟิดิค18 ปี หลอมรวมสัมผัสอันหอมหวานของกลิ่นผลไม้จากถังไม้โอลอรอสโซจากสเปนและถังไม้โอ๊กดั้งเดิมของอเมริกาได้อย่างลงตัว หลังจากขั้นตอนการผสมในถังไม้นานอย่างน้อย 3 เดือน จึงได้เครื่องดื่มที่มีรสหวานฉ่ำเข้มข้นของซิงเกิลมอลต์สก็อตช์วิสกี้ ซึ่งให้รสชาติลุ่มลึกอันโดดเด่นดื่มได้ลื่นคอ เครื่องดื่มแต่ละถังจึงมีลักษณะที่แตกต่างกันไป พร้อมคุณภาพที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกัน

นักดื่มจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมเข้มข้นแบบผลไม้สุก โดดเด่นด้วยกลิ่นอันหรูหราของผลไม้แห้ง เปลือกส้ม พร้อมกลิ่นแอปเปิ้ลที่หอมกรุ่นและกลิ่นอันภูมิฐานที่ช่วยกระตุ้นรสสัมผัสของโอ๊ก เกลนฟิดิค 18 ปี ยังให้รสติดปลายลิ้นที่อบอวลอย่างน่าประทับใจ ซึ่งทำให้วิสกี้ชนิดนี้ได้รับการยกย่องเป็นเครื่องดื่มชนิดพิเศษเพื่อการให้รางวัลแก่ชีวิตของเหล่านักดื่ม

และเพื่อเป็นการการันตีในรสชาติ Glenfiddich ก็มีรางวัลมากมายมาพิสูจน์ความเป็นเลิศ ได้แก่… 

รางวัลเครื่องดื่มระดับโลก:

International Spirits Challenge 2012

  • เหรียญทอง: เกลนฟิดิคเอจออฟดิสคัฟเวอรี่ เบอร์เบิ้นคาสก์ 19 ปี
  • เหรียญทอง:เกลนฟิดิคมอลต์ มาสเตอร์ เอดิชั่น
  • เหรียญทอง: เกลนฟิดิค12 ปี

International Wine and Spirit Competition 2012

  • เหรียญทองยอดเยี่ยม: เกลนฟิดิค15 ปี
  • เหรียญทอง: เกลนฟิดิคมอลต์ มาสเตอร์ เอดิชั่นเชอร์รี่ คาสก์
  • เหรียญทอง:เกลนฟิดิคสโนว์ ฟีนิกซ์
  • เหรียญทอง: เกลนฟิดิคเอจออฟดิสคัฟเวอรี่ เบอร์เบิ้นคาสก์ 19 ปี
  • เหรียญทอง: เกลนฟิดิค30ปี
  • เหรียญทอง: เกลนฟิดิค40ปี

Scotch Whisky Masters Awards 2012

  • รางวัลระดับมาสเตอร์: เกลนฟิดิค15 ปี ดิสทิลเลอรี่ เอดิชั่น
  • เหรียญทอง: เกลนฟิดิคริช โอ๊ก และ เกลนฟิดดิช 15 ปี
  • เหรียญทอง: เกลนฟิดิค21 ปี
  • เหรียญทอง: เกลนฟิดิคเอจออฟดิสคัฟเวอรี่ เบอร์เบิ้นคาสก์ 19 ปี
  • เหรียญทอง: เกลนฟิดิค30ปี
  • เหรียญทอง: เกลนฟิดิค40ปี
  • เหรียญทอง: เกลนฟิดิคมอลต์ มาสเตอร์ เอดิชั่น

ในช่วงเวลาแหล่งการเฉลิมฉลองที่กำลังจะมาถึง Glenfiddich คงจะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ทำให้บรรยากาศแห่งการสังสรรค์มีระดับยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเหมาะแก่การเลือกสรรเป็นของกำนัลในโอกาสพิเศษ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรสชาติ Single Malt Whisky  ผู้ที่ปรารถนาจะเข้าถึงเรื่องราวที่น่าสนใจของวิสกี้ระดับตำนานนี้ สามารถเข้าดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่   www.williamgrant.com

 

bernard-vaussion-

LE NORMANDIE @ MANDARIN ORIENTAL BANGKOK

bernard-vaussion-

เพราะ LE NORMANDIE  เป็นตัวเลือกแรกสุดที่ดีที่สุดตลอดกาล สำหรับผู้มีรสนิยมที่ปรารถนาจะลิ้มรสอาหารฝรั่งเศส สไตล์โมเดิร์น ในโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยคุณภาพการบริการเหนือระดับ ที่ไม่ใช่แค่ ‘ดีที่สุดในประเทศไทย’ แต่ดีที่สุดจนเป็นที่กล่าวขานในระดับสากล ถูกใจเหล่าผู้นำและบุคคลสำคัญทั่วทุกวงการ Continue reading

ny

The New York Steakhouse Sunday Times

ny

ชื่อเสียงของ NEW YORK STEAK HOUSE นั้นโด่งดังมากและดังมานานแล้ว สำหรับใครที่ชื่นชอบบรรยากาศสไตล์อเมริกัน และรสชาติที่หาคู่แข่งเทียบเทียมได้ยากของเมนูสเต็กต้นตำรับ โดยเฉพาะ TOMAHAWK ที่เป็นเมนูเด่นประจำร้านขวัญใจคนรักเนื้อสำหรับดินเนอร์มื้อใหญ่ แต่สิ่งที่ทำให้ NEW YORK STEAK HOUSE เป็นหนึ่งในร้านที่เด่นและน่าทึ่งที่สุดสำหรับ Sunday Brunch ที่มีคู่แข่งเป็นร้านอาหารในโรงแรมหรูระดับเดียวกันมากมายในย่านใกล้เคียงขณะนี้ ก็คือคอนเซ็ปต์สุดเก๋ “The Secret Society” Continue reading

STEAK AT TABLES, GRAND HYATT ERAWAN BANGKOK

Steaks-at-Tables-3

Great Steaks, Great Ambience THE EDITOR’S CHOICE  Bangkok’s Great Steak with Great Ambience  2013  ไม่มีข้อสงสัยเลยหากจะกล่าวว่า ห้องอาหารเทเบิลส์ โรงแรม แกรนด์ไฮแอทเอราวัณ เป็นหนึ่งในร้านอาหารค่ำบรรยากาศดีที่สุดและบริการเยี่ยมที่สุดของย่านราชประสงค์ สำหรับคนที่กำลังมองหาเมนูสเต็กดินเนอร์ชั้นยอด ห้องอาหารเทเบิลส์ นำเสนอประสบการณ์ใหม่แห่งการรับประทานอาหารค่ำ ด้วยสเต็กหลากหลายเมนูเพิ่มเข้ามาให้คุณได้เลือกสัมผัสความอร่อย ได้เลือกสัมผัสความอร่อย ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2556 ด้วยบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา และเป็นกันเองมากขึ้น โดยสเต็กนั้น เชฟได้นำเสนอเนื้อคุณภาพเยี่ยม ที่ได้รับการตัดแต่งอย่างสวยงาม นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา

0002

Wine Dining

0002

I am a big fan of a famous cooking show called Iron Chef, and I have been watching many versions of it, including Japanese, American and more recently the Thai version. The Iron Chefs and the challengers always impress me with their great cooking speed, superb skills a

0001

Oyster Lovers

0001 I am a big fan of a famous cooking show called Iron Chef, and I have been watching many versions of it, including Japanese, American and more recently the Thai version. The Iron Chefs and the challengers always impress me with their great cooking speed, superb skills a